หากคุณกำลังชั่งใจในการเปลี่ยนจากกล้อง APS-C ไปเป็นกล้อง Full Frame โดยมีเหตุผลคือต้องการภาพที่หน้าชัดหลังเบลอที่สวยยิ่งขึ้น และพร้อมด้วยโบเก้ที่สวยละมุนยิ่งกว่า บทความนี้อาจจะทำให้คุณเปลี่ยนใจ ด้วยการเปลี่ยนมาซื้อเพียงแค่เลนส์ตัวเดียว!
เพราะวันนี้เรามาพร้อมกับเลนส์สุดล้ำอย่าง Sniper Series เลนส์ของกล้อง APS-C ที่มีความโดดเด่นด้วยค่ารูรับแสงที่กว้างถึง f1.2 ที่พร้อมมอบภาพหน้าชัดหลังเบลอที่สวยยิ่งขึ้น รวมไปถึงโบเก้ที่ละมุนยิ่งกว่า
และในบทความต่อไปนี้ จะมาอธิบายถึงความแตกต่างของกล้อง APS-C และ Full Frame รวมไปถึงการคำนวณค่ารูรับแสงสำหรับเลนส์ของกล้อง APS-C เทียบกับเลนส์ของกล้อง Full Frame เพื่อมาดูกันให้ชัด ๆ เลยครับว่าค่า f1.2 ของเลนส์ Sniper Series จะมีความสามารถขนาดไหนเมื่อเทียบกับเลนส์ของกล้อง Full Frame ถ้าพร้อมแล้วก็มาอ่านกันเลยครับ!
แตกต่างด้วยขนาดของเซนเซอร์
สิ่งที่ทำให้กล้อง APS-C แตกต่างกับกล้อง Full Frame คือขนาดของเซนเซอร์ โดยเซนเซอร์ของกล้อง APS-C จะมีขนาดเล็กกว่าอยู่ที่ 1.5 – 1.6 เท่า (ขึ้นอยู่กับแบรนด์ของกล้อง) ซึ่งจะส่งผลให้ระยะทางยาวโฟกัสของเลนส์หรือ Focal Length ของ APS-C จะมีความยาวน้อยกว่า Full Frame อยู่เสมอ
ดังนั้นหากเราต้องการเทียบระยะ Focal Length ของ APS-C และ Full Frame เราก็สามารถทำได้ด้วยการนำ
- ระยะของเลนส์ x ขนาดของเซนเซอร์
ซึ่งจะช่วยทำให้เราสามารถเทียบได้ว่าระยะ Focal Length ของเลนส์ APS-C ระยะนี้ จะเทียบเท่ากับระยะ Focal Length ของ Full Frame ระยะไหน
เช่น เลนส์ APS-C ที่มีระยะ Focal Length 23mm บนกล้องเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่า 1.5 เท่า
ก็จะแทนค่าได้เป็น 23 x 1.5 = 35mm
ซึ่งหมายความเลนส์ APS-C ที่มีระยะ Focal Length 23mm บนกล้องเซนเซอร์ที่มีขนาดเล็กกว่า 1.5 เท่า
จะมีระยะ Focal Length เทียบเท่ากับ 35 mm ของเลนส์ Full Frame นั่นเอง
Depth of Field ที่เหนือกว่าของกล้อง Full Frame
ขนาดเซนเซอร์ที่แตกต่างกัน นอกจากจะส่งผลถึงระยะ Focal Length ที่เรากล่าวไปด้านบนแล้วนั้น ก็ยังมีการส่งผลถึงเรื่องความลึกของภาพ (Depth of Field) ที่กล้อง Full Frame จะทำได้ดีกว่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมกล้อง Full Frame จึงมอบภาพชัดหลังเบลอและโบเก้ที่สวยละมุนยิ่งกว่าถึงแม้จะมีค่า f เท่ากันก็ตาม
ดังนั้นแล้วกล้อง APS-C จึงต้องการค่า f ที่น้อยเข้าไว้ หากต้องการถ่ายภาพชัดหลังเบลอที่ได้โบเก้ที่สวยละมุนไม่แพ้กับกล้อง Full Frame ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ค่า f1.2 ของ Sniper Series จึงเป็นคุณสมบัติที่พิเศษสุด ๆ ที่จะทำให้คุณสามารถลงทุนซื้อแค่เลนส์ แต่ได้การอัปเกรดเกือบเทียบเท่ากับการซื้อกล้อง Full Frame
และในส่วนต่อไป เราจะพาทุกคนมาดูวิธีการคำนวณรูรับแสงของกล้อง APS-C โดยจะใช้ค่า f1.2 ของ Sniper Series ในการเทียบกับ Full Frame เพื่อให้ทุกคนเห็นกันชัด ๆ ไปเลยครับว่าคำว่า f1.2 นี้จะมีความสามารถเทียบเท่ากับกล้อง Full Frame ที่มีค่า f ขนาดไหน ถ้าพร้อมแล้วก็มาอ่านกันเลยครับ
วิธีการคำนวณรูรับแสงบนเลนส์ APS-C เทียบกับ Full Frame
สูตรการคำนวณ: (ขนาดของเซนเซอร์) x (ค่ารูรับแสง) = ค่ารูรับแสงเทียบเท่า Full Frame
- (ขนาดของเซนเซอร์) เราจะขอแทนด้วย 1.5 ตามตัวอย่างที่เราได้กล่าวไปด้านบน
- (ค่ารูรับแสง / หรือก็คือค่า f) แทนค่าด้วย 1.2 ซึ่งในที่นี้เป็นคุณสมบัติของเลนส์ Sniper
แทนค่าในสูตรการคำนวณ: (1.5) x (1.2) = 1.8
ดังนั้นแล้วเลนส์ Sniper Series จึงมีความสามารถในการถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอที่ได้โบเก้อันสวยละมุน ซึ่งเทียบเท่ากับคุณสมบัติของกล้อง Full Frame ที่มีค่ารูรับแสงอยู่ที่ f1.8 เลยทีเดียว!
สรุปความพิเศษของเลนส์ Sniper Series
จากทั้งหมดที่เรากล่าวมา จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ทำให้เลนส์ซีรีส์นี้โดดเด่น ก็คือค่า f1.2 ที่จะช่วยให้กล้อง APS-C สามารถถ่ายภาพที่หน้าชัดหลังเบลอและได้โบโก้ที่สวยละมุน ได้เกือบเทียบเท่ากับกล้อง Full Frame ที่มีค่า f1.9 โดยนอกจากความโดดเด่นในส่วนนี้ เลนส์ซีรีส์นี้ยังมาพร้อมกับความสามารถอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น
- ความสามารถในการถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อยได้ดีเยี่ยม
- ระบบโฟกัสอัตโนมัติ ที่จะช่วยโฟกัสดวงตาของผู้คน และวัตถุที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
- วัสดุที่แข็งแรงทนทาน ที่มีน้ำหนักเบาเพียง 380 กรัม
- มอบภาพความละเอียดสูง และค่าคอนทราสต์ที่ยอดเยี่ยม
- สามารถรองรับฟิลเตอร์ขนาด 55mm
และด้วยการขึ้นชื่อว่า “Series” เลนส์รุ่นนี้จึงมาพร้อมระยะ Focal Length ที่มีให้เลือกถึง 3 ขนาด ได้แก่ 23mm / 33mm / และ 56mm ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งามตามรูปแบบที่ต้องทำได้ตามต้องการ ซึ่งหากต้องการนำไปเทียบระยะ Focal Length กับเลนส์ Full Frame ก็สามารถทำตามได้จากการคำนวณด้านบนเลยครับ เรียกได้ว่าเลนส์ซีรีส์มีทั้งความสามารถที่โดดเด่น และยังมีฟังก์ชันและตัวเลือกในการใช้งานที่หลากหลายสุด ๆ
ดังนั้นหากคุณกำลังสนใจ ก็สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เพจ Facebook: Sirui Thailand ได้เลยนะครับ