Pyro 5 คือจอมอนิเตอร์ขนาด 5.5 นิ้วที่โดดเด่นด้านความคล่องตัวและฟีเจอร์เฉพาะตัวอย่าง Camera Control และ Proxy Recording ในขณะที่ Pyro 7 มอบประสบการณ์การมองภาพที่เต็มตากว่าด้วยจอขนาด 7 นิ้วเหมาะสำหรับเป็นจอมอนิเตอร์หลักของผู้กำกับหรือลูกค้า
เราจะพาคุณไปเจาะลึกตั้งแต่ตารางเทียบสเปกแบบหมัดต่อหมัด ฟีเจอร์ที่เหมือนและแตกต่างกัน พร้อมแนะนำว่างานแบบไหนควรเลือกใช้รุ่นอะไร เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุด
ตารางเปรียบเทียบสเปก Pyro 5 vs Pyro 7
เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนที่สุด เรามาเริ่มกันที่ตารางเปรียบเทียบสเปกสำคัญๆ กันก่อนเลยค่ะ
คุณสมบัติ | Hollyland Pyro 5 | Hollyland Pyro 7 |
ขนาดหน้าจอ | 5.5 นิ้ว | 7 นิ้ว |
ความสว่าง | 1500 nits | 1500 nits |
Camera Control | ✅ | ❌ |
Proxy Recording | ✅ | ❌ |
ระยะส่งสัญญาณ | 400 เมตร | 400 เมตร |
ความหน่วง (Latency) | 60ms | 60ms |
พอร์ตเชื่อมต่อ | SDI & HDMI | SDI & HDMI |
เจาะลึกความเหมือน : DNA ของ Pyro Ecosystem ที่มีร่วมกัน
จากตารางจะเห็นว่าทั้งสองรุ่นมีดีเอ็นเอหลักที่เหมือนกัน ซึ่งเป็นหัวใจของ Pyro Ecosystem ที่ทำให้มั่นใจได้ในประสิทธิภาพระดับมืออาชีพ
- ประสิทธิภาพการส่งสัญญาณ : ทั้งคู่ให้ระยะส่งสัญญาณที่ไกลถึง 400 เมตร และมีค่าความหน่วง (Latency) ต่ำเพียง 60ms ทำให้ภาพที่เห็นบนจอแทบจะ Real-time กับหน้ากล้อง
- เทคโนโลยี Dual-Band : ทำงานบนคลื่น 2.4G และ 5G พร้อมกัน ช่วยให้สัญญาณมีความเสถียรสูง สามารถหลบหลีกสัญญาณรบกวนในพื้นที่ที่วุ่นวายได้ดี
- Auto Frequency Hopping : เป็นฟีเจอร์สุดฉลาดที่มีใน Pyro ทั้งซีรีส์ (Pyro 5, 7, และ S) โดยระบบจะทำการสแกนและเลือกช่องสัญญาณที่ดีที่สุดให้โดยอัตโนมัติ
- การทำงานร่วมกัน : ทั้ง 2 รุ่นสามารถทำงานร่วมกันในกองถ่ายเดียวได้อย่างไม่มีปัญหา ผ่านโหมด Broadcast และ Group Pairing
3 จุดต่างสำคัญ ที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เมื่อพื้นฐานเหมือนกัน ทีนี้เรามาดูจุดต่างที่เป็นตัวตัดสินกันบ้าง ซึ่งจะทำให้คุณรู้ได้ทันทีว่ารุ่นไหนเกิดมาเพื่อคุณ

1. ขนาดหน้าจอ (5.5″ vs 7″) ความคล่องตัว ปะทะ ความเต็มตา
- Pyro 5 (5.5 นิ้ว) : ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการความคล่องตัวสูง เช่น ตากล้องที่ต้องถือกล้องวิ่งถ่ายงาน ทีมงานที่ต้องเคลื่อนที่บ่อย หรือ Solo Creator ที่ต้องการเซ็ตอัพที่เล็กที่สุด
- Pyro 7 (7 นิ้ว) : ขนาดจอที่ใหญ่ขึ้น มอบประสบการณ์การมองภาพที่เต็มตาและเห็นรายละเอียดได้ชัดเจนกว่า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับตำแหน่งที่ต้องนั่งมอนิเตอร์เป็นหลัก เช่น ผู้กำกับที่ต้องการดูองค์ประกอบภาพรวม ลูกค้าที่ต้องการเช็คความเรียบร้อยของงาน หรือตำแหน่ง DIT (Digital Imaging Technician) ที่ต้องการความแม่นยำของสีและรายละเอียด
2. Camera Control : Pyro 5 คือ ควบคุม ไม่ใช่แค่จอ

นี่คือฟีเจอร์เด็ดที่มีเฉพาะใน Pyro 5 เท่านั้น คุณสามารถควบคุมค่าต่างๆ ของกล้อง Sony ที่รองรับ (A7M3/A7M4, FX3, A7S3, ZVE-10) ไม่ว่าจะเป็นรูรับแสง ISO หรือ Shutter Speed ได้โดยตรงจากหน้าจอสัมผัสของ Pyro 5 ช่วยลดขั้นตอนการสื่อสารหน้ากองและทำให้ผู้กำกับหรือผู้ช่วยกล้องทำงานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในขณะที่ Pyro 7 จะทำหน้าที่เป็นจอมอนิเตอร์เพียงอย่างเดียว
3. Proxy Recording ฟีเจอร์ลับสำหรับคนอยากจบงานไว
อีกหนึ่งไม้ตายที่มีเฉพาะใน Pyro 5 คือความสามารถในการบันทึกไฟล์วิดีโอขนาดเล็ก (Proxy File) ลงบน SD card หรือ USB drive ได้ทันที ประโยชน์คือการช่วยให้ขั้นตอน Post-production ง่ายและเร็วขึ้นมาก Editor สามารถนำไฟล์เล็กๆ นี้ไปตัดต่อได้อย่างลื่นไหลบนคอมพิวเตอร์ที่ไม่จำเป็นต้องแรงมากนัก ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและลดความหัวร้อนในการทำงานได้อย่างมหาศาล
สรุปเลือกจอไหนดี? Checklist สำหรับงานของคุณ
เพื่อให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ลองตอบคำถามในใจจาก Checklist นี้ดูค่ะ
เลือก Pyro 5 ถ้า…
- ✅ คุณเป็น Solo Creator หรือตากล้องที่ต้องการความคล่องตัวสูงสุด
- ✅ คุณใช้กล้อง Sony ที่รองรับ และอยากได้ฟังก์ชันควบคุมกล้องจากระยะไกล
- ✅ คุณอยากให้ขั้นตอนการตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูงของคุณรวดเร็วและลื่นไหลขึ้น
- ✅ คุณมองหาจอ All-in-one ที่เป็นได้ทั้งตัวส่งและตัวรับในเครื่องเดียวจบ
เลือก Pyro 7 ถ้า…
- ✅ คุณเป็นผู้กำกับ, ลูกค้า, หรือ DIT ที่ต้องการจอภาพขนาดใหญ่เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ
- ✅ คุณต้องการจอสำหรับตั้งเป็น Client Monitor หรือ Video Village ที่เห็นรายละเอียดชัดเจน
- ✅ คุณไม่ได้ต้องการฟังก์ชัน Camera Control หรือ Proxy Recording จากจอตัวนี้
- ✅ คุณมีตัวส่งสัญญาณ (Transmitter) แยกอยู่แล้ว และกำลังมองหาจอรับสัญญาณ (Receiver) ที่ดีที่สุด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- คำถาม 1 : Pyro 5 และ Pyro 7 สามารถทำงานร่วมกันในกองถ่ายเดียวกันได้หรือไม่?
- คำตอบ : ได้แน่นอน ทั้งสองรุ่นถูกออกแบบมาให้อยู่ใน Pyro Ecosystem เดียวกัน คุณสามารถใช้ Pyro 5 เป็นตัวส่ง (Transmitter) และใช้ Pyro 7 เป็นหนึ่งในตัวรับ (Receiver) ได้อย่างไร้ปัญหา
- คำถาม 2 : เทคโนโลยีการส่งสัญญาณของทั้ง 2 รุ่นแตกต่างกันหรือไม่?
- คำตอบ : ไม่แตกต่างกัน ทั้ง Pyro 5 และ Pyro 7 ใช้เทคโนโลยีการส่งสัญญาณ Dual-Band 2.4G/5G มีระยะส่งไกล 400 เมตร Latency 60ms และมีระบบ Auto Frequency Hopping เหมือนกัน ทำให้มั่นใจได้ในความเสถียร
- คำถาม 3 : สำหรับ Filmmaker ที่ทำงานคนเดียว (Solo Filmmaker) ควรเลือกรุ่นไหน?
- คำตอบ : สำหรับ Solo Filmmaker, Pyro 5 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมและคุ้มค่ากว่าอย่างชัดเจน เนื่องจากความสามารถแบบ All-in-one ที่เป็นได้ทั้ง TX/RX/Monitor ขนาดที่คล่องตัว และฟีเจอร์เสริมอย่าง Camera Control กับ Proxy Recording ที่ช่วยให้ทำงานคนเดียวได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
อย่ามองว่าต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง กองถ่ายที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการใช้ทั้ง 2 รุ่นทำงานร่วมกันใน Ecosystem ใช้ Pyro 5 ติดบนกล้องเพื่อให้ตากล้องคล่องตัวและสามารถควบคุมกล้องได้ ในขณะที่ส่งสัญญาณภาพไปให้ Pyro 7 ที่เป็นจอของผู้กำกับหรือลูกค้า นี่คือการดึงศักยภาพสูงสุดของ Pyro Ecosystem ออกมาใช้งาน