แฟน Nanlite คงไม่มีใครไม่รู้จักไฟสตูดิโอซีรีส์ FS ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Daylight หรือ Bi-Color ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ตัวตึง” เรื่องความสว่าง คุณภาพแสงดี ในราคาที่ใครก็เอื้อมถึง
แต่วันนี้เราจะมาเจาะลึกรุ่นต่อยอดความสำเร็จอย่าง Nanlite FS-300C ที่ยังคงดีไซน์และกำลังไฟ 300W แต่ครั้งนี้ Nanlite จัดให้หนักกว่าเดิม ด้วยการอัปเกรดสู่ไฟ Full-Color RGBWW ที่ปลดล็อกการสร้างสรรค์สีสันนับหมื่นเฉด บอกเลยว่าหัวใจของไฟตัวนี้ไม่ใช่แค่ “มีสี” แต่คือ “คุณภาพสี” ที่โปรดักชั่นจริงจังต้องการ

เจาะลึกสเปกและความสามารถของ FS-300C
ทำไมคุณภาพสีของไฟรุ่นนี้ถึงตอบโจทย์มืออาชีพ?

ให้ความสว่างสูงถึง 34,200 lux ที่ระยะ 1 เมตร (5600K) เมื่อใช้ร่วมกับรีเฟลกเตอร์ที่แถมมาในชุด ซึ่งเป็นความสว่างที่เหลือเฟือสำหรับงานสตูดิโอแทบทุกประเภท แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นคือ คุณภาพของแสง
ช่วงอุณหภูมิสี (CCT) กว้าง ปรับได้ตั้งแต่ 2700K (Warm Light) ไปจนถึง 7500K (Cool Light) พร้อมแก้ปัญหาคลาสสิกของการใช้ไฟหลายตัวในกองถ่ายคือสีของแสงที่ไม่กลมกลืนกัน ด้วยฟังก์ชัน Green/Magenta Adjustment (+/- 150) ที่ให้คุณปรับจูนค่าสีเขียว/ม่วงในแสงได้อย่างละเอียด เพื่อให้แสงสามารถแมทช์เข้ากับแสงจากสภาพแวดล้อมหรือไฟสตูดิโอยี่ห้ออื่นได้อย่างแนบเนียน นี่คือฟังก์ชันที่มืออาชีพต้องการเพื่อลดเวลาในการแก้สีขั้นตอน Post-Production
ความเที่ยงตรงของสีสูง ด้วยค่า CRI เฉลี่ย 95 และ TLCI เฉลี่ย 94 ทำให้มั่นใจได้ว่าสีสันของวัตถุ โดยเฉพาะสีผิวของตัวแบบ จะถูกแสดงออกมาได้อย่างสมจริง เป็นธรรมชาติ ไม่เพี้ยน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งสำหรับงานที่ต้องการคุณภาพสูงสุด
เทคโนโลยี RGBWW ใน FS-300C แตกต่างจากไฟ RGB ทั่วไปอย่างไร?

ใช้แหล่งกำเนิดแสงแบบ RGBW ซึ่งหมายความว่านอกจากจะมีชิปสีแดง (Red), เขียว (Green), และน้ำเงิน (Blue) แล้ว ยังมีชิปแสงขาว Warm White และขาว Cool White แยกต่างหาก
ข้อดีคือทำให้ไฟรุ่นนี้สามารถสร้างสีสันต่างๆ ได้มากถึง 36,000 สี ผ่านโหมด HSI (Hue, Saturation, Intensity) และยังคงให้คุณภาพแสงขาวที่ดีเยี่ยมเมื่อใช้งานในโหมด CCT
Monolight Design และความยืดหยุ่นของ Bowens Mount

เป็นไฟแบบ Monolight อย่างแท้จริง คำนี้อาจจะฟังดูเทคนิค แต่ความหมายของมันง่ายมาก คือคุณสามารถเสียบสายไฟ AC ที่ให้มาเข้ากับตัวไฟโดยตรง และเสียบปลั๊กเข้ากับไฟบ้านได้เลย ไม่ต้องมี Ballast หรือกล่องควบคุมแยกให้วุ่นวาย ลดความยุ่งยากในการติดตั้งและเคลื่อนย้ายไปได้มาก
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับ Reflector 55 องศา และใช้เมาท์แบบ Bowens Mount ซึ่งเป็นมาตรฐานยอดนิยม ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมปรับแต่งแสง (Light Modifiers) ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Softbox, Projection Attachment, Fresnel Lenses และอื่นๆ อีกทั้งยังมีช่องสำหรับเสียบร่มในตัว เพิ่มทางเลือกในการจัดแสงให้หลากหลายยิ่งขึ้น

ดีไซน์แข็งแรงทนทาน ใช้งานง่ายสไตล์ Nanlite
จุดเด่นของไฟซีรีส์ FS คือคุณภาพงานประกอบที่แข็งแรงทนทานเกินราคา และ FS-300C ก็เช่นเดียวกัน ตัวบอดี้ถูกออกแบบมาอย่างดี ให้ความรู้สึกที่แน่นหนาและพร้อมสำหรับงานหนัก ที่สำคัญคือใช้งานง่ายมาก แม้แต่คนที่เพิ่งเคยใช้ไฟสตูดิโอเป็นครั้งแรกก็สามารถตั้งค่าและเริ่มใช้งานได้ทันทีด้วยการควบคุมที่ไม่ซับซ้อน
เราสามารถควบคุมไฟรุ่นนี้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
ควบคุมบนตัวเครื่อง ด้านหลังมีโนบ 2 ตัว, ปุ่ม 1 ปุ่ม และหน้าจอ OLED ขนาด 1.3 นิ้วที่คมชัด ทำให้ปรับค่าต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ควบคุมผ่านแอป NANLINK เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ในตัว เข้ากับแอปพลิเคชันฟรี NANLINK (iOS และ Android) เพื่อควบคุมทุกฟังก์ชันแบบไร้สายจากสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต
ควบคุมผ่านรีโมท มี 2.4G ในตัว สามารถใช้ร่วมกับรีโมทคอนโทรล WS-RC-C2 (จำหน่ายแยก) หรือ WS-TB-1 Transmitter Box สำหรับกองถ่ายขนาดใหญ่ได้
มีลูกเล่นหรือเอฟเฟกต์พิเศษอะไรให้ใช้บ้าง?
นอกจากการปรับสีแบบ HSI (Hue 0–360, Saturation 0–100) แล้วยังมาพร้อมเอฟเฟกต์พิเศษในตัวถึง 15 แบบ ที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถด้านสีสันได้อย่างเต็มที่ เช่น: HUE Loop, CCT Loop, INT Loop, Flash, Pulse, Storm, Police Car, TV, Paparazzi, Candle/Fire, Disco, Bad Bulb, Firework, Explosion และ Welding
ที่สำคัญคือคุณสามารถปรับแต่งค่าต่างๆ ของเอฟเฟกต์และบันทึกเป็น Preset ส่วนตัวได้ในแอป NANLINK อีกด้วย
เรื่องความร้อนในการทำงานน่ากังวลมั้ย?
มีพัดลมระบายความร้อนที่ทำงานได้เงียบมาก แต่สำหรับงานที่ต้องการความเงียบสนิทจริงๆ ก็สามารถเลือกโหมดพัดลมได้ถึง 4 แบบ (Smart, Full Speed, Low Speed, และ Off) ซึ่งการปิดพัดลมจะจำกัดกำลังไฟไว้ที่ 50% เพื่อป้องกันความร้อนสะสม
อัปเดตเฟิร์มแวร์ได้ ไม่ตกยุค
ตัวเครื่องมีพอร์ต USB สำหรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ในอนาคต ซึ่งหมายความว่า FS-300C ของคุณอาจได้รับฟีเจอร์หรือการปรับปรุงใหม่ๆ จาก Nanlite ได้เสมอ
สรุปแล้ว Nanlite FS-300C เหมาะกับใครที่สุด?
หากถามว่าใครควรมี FS 300C บ้าง คำตอบง่ายๆ คือ ทุกคนที่อยากได้ผลงานสวยๆ แต่ไม่อยากปวดหัวกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นช่างภาพมือใหม่ นักสตรีมที่อยากดูดีบนกล้อง หรือแม้แต่คนทำคอนเทนต์ที่อยากให้คลิปมีสีสันสดใส
ไฟตัวนี้ไม่ได้ให้แค่ความสว่าง แต่ให้ “อารมณ์” ด้วย อยากได้บรรยากาศโรแมนติก ปรับไปสีอุ่น อยากดูเท่ห์ ลองสีน้ำเงินเข้ม หรือจะทำคลิปสนุกๆ ก็เปิดโหมด Disco ได้เลย
แถมยังควบคุมง่าย ไม่ต้องเป็นมือโปร ใช้แอปในมือถือปรับได้ทุกอย่าง ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราเล่าเรื่องผ่านสีสันได้ คุ้มมากสำหรับใครที่อยากมีไฟสตูดิโอที่ฟังก์ชันครบในตัวเดียว
อ้างอิงข้อมูลจาก :