“เสียง” นี่แหละคือหัวใจสำคัญที่เรามองข้ามไม่ได้เลย เพราะต่อให้ภาพจะสวยอลังการแค่ไหน แต่ถ้าเสียงไม่ดี งานของคุณอาจจะยังไม่สุดก็ได้ วันนี้จะพาคุณมาเจาะลึกกับของใหม่ล่าสุดจาก Hollyland ที่จะช่วยให้งานเสียงของคุณดีขึ้นไปอีกขั้น นั่นก็คือไมค์ไวเลส Hollyland Lark Max 2นั่นเอง บอกเลยว่าฟีเจอร์จัดเต็มมากจนคุณต้องทึ่ง

Lark Max 2 อิสระสูงสุด เสียงคมชัดไร้ที่ติ
เป็นไมค์ไวเลสแบบ 32-bit ออกแบบมาเพื่อมอบเสียงคุณภาพสูงตั้งแต่การบันทึก การส่งสัญญาณ ไปจนถึงการมอนิเตอร์เสียง ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับงานบันทึกเสียงระดับมืออาชีพเลยก็ว่าได้ จุดเด่นที่ทำให้ Lark Max 2 เหนือกว่าคู่แข่งคือเทคโนโลยีไร้สาย 2.4 GHz ที่ทำงานร่วมกับหูฟัง OWS ทำให้ผู้ใช้งานเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในระยะสูงสุด 100 เมตร พร้อมฟังเสียงแบบ Real-Time โดยไม่ต้องพึ่งสายเชื่อมต่อ
ฟังก์ชันหลักในไมค์ไวเลส Hollyland Lark Max 2
1. มอนิเตอร์ได้แบบ Real-Time ด้วยหูฟัง OWS Earphone
ด้วยระยะการส่งสัญญาณที่ไกลถึง 340 เมตร (ในที่โล่ง) และสำหรับการมอนิเตอร์เสียงแบบ Real-Time คุณสามารถเชื่อมต่อผ่านหูฟัง OWS Earphone แบบไร้สาย ที่ Hollyland ทำมาเพื่อไมค์รุ่นนี้โดยเฉพาะ (มีเฉพาะในเซต Ultimate Combo) ซึ่งมีระยะการส่งสัญญาณสำหรับหูฟังสูงสุด 100 เมตร (ในที่โล่ง) ทำให้คุณสามารถตรวจสอบเสียงได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องติดอยู่กับสายเคเบิล
นอกจากนี้ หูฟัง OWS ยังได้รับการออกแบบให้สวมใส่สบายตลอดวัน ด้วยดีไซน์แบบ Open-Ear ที่ไม่จำเป็นต้องยัดเข้าไปในช่องหู และมีขอเกี่ยวหูที่ปรับได้เพื่อให้เข้ากับรูปหูที่แตกต่างกัน

นอกจากการมอนิเตอร์เสียงจากกล้องแล้ว หูฟัง OWS ยังรองรับการมอนิเตอร์เสียงแบบไร้สายจากสมาร์ทโฟน ผ่านตัวรับสัญญาณกล้อง หรือ USB-C รวมถึงการมอนิเตอร์เสียงโดยตรงจากตัวรับสัญญาณทั้ง 2 ตัว เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องใช้งาน เช่น การแข่งขันเกมบน Twitch หรือ Live Chat ใน TikTok
นิยามใหม่ของการทำงาน ด้วย 32-bit Float Recording

มาพร้อมระบบบันทึกเสียงแบบ 32-bit float internal recording ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถบันทึกเสียงได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเสียงแตก (Clipping) อีกต่อไป เก็บรายละเอียดเสียงได้ครบถ้วนทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระซิบเบาๆ หรือเสียงดังมากๆ ด้วยอัตราส่วนสัญญาณต่อเสียงรบกวน (SNR) ที่สูงถึง ≥ 72dB และระดับความดันเสียงสูงสุด (Max Sound Pressure Level) ที่ 128dB SPL คุณจึงมั่นใจได้ว่าทุกคำพูด ทุกโน้ตเสียง จะถูกบันทึกไว้อย่างแม่นยำและเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ ยังมีเทคโนโลยี FocalClear ที่ช่วยจับเสียงพูดของคุณได้อย่างแม่นยำและช่วยกรองเสียงรบกวนรอบข้างออกไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ และคุณสามารถใช้ร่วมกับ Furry Windshield เพื่อป้องกันเสียงลม คุณภาพเสียงที่ได้จะเป็นแบบ 48 KHz / 32-bit Float ทำให้เสียงที่ออกมามีความละเอียดและเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ แต่ละตัวส่งสัญญาณมีหน่วยความจำภายใน 8GB สามารถบันทึกเสียงคุณภาพสูงที่ไม่ได้บีบอัดได้นานถึง 14 ชั่วโมง ซึ่งทำหน้าที่เป็นข้อมูลสำรองที่เชื่อถือได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าเสียงที่มีค่าจะไม่สูญหาย
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวส่งสัญญาณยังสามารถทำงานเป็นเครื่องบันทึกเสียงแบบ Standalone ได้ บันทึกเสียงโดยตรงไปยังอุปกรณ์โดยไม่ต้องใช้กล้องหรือสมาร์ทโฟน มอบความมั่นใจ 2 เท่าสำหรับการบันทึกเสียง
ระบบตัดเสียงรบกวน AI ENC (Environmental Noise Cancellation)
ระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ (AI Noise Cancellation) ที่สามารถปรับระดับการตัดเสียงได้แบบ Stepless Adjustment ตั้งแต่ 5dB ถึง 25dB ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนรอบข้างในชีวิตประจำวันอย่างเสียงคลิกคีย์บอร์ด เสียงเคาะประตู หรือแม้แต่เสียงที่ดังกว่าอย่างเสียงแตรรถยนต์ เสียงเครื่องบิน หรือพายุฝน ระบบ AI ของ Lark Max 2 ก็สามารถกรองเสียงเหล่านี้ออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เสียงพูดของคุณคมชัดโดดเด่น หมดปัญหาเรื่องเสียงกวนใจหลังการถ่ายทำไปได้เลย
Timecode Sync ซิงค์ภาพกับเสียงเป๊ะเวอร์ ไม่ต้องมานั่งจับคู่เอง
สำหรับงานที่ต้องอัดเสียงจากหลายๆ แหล่ง หรือแยกกล้องกับไมค์ไวเลสถ่ายทำ ปัญหาเรื่องซิงค์ภาพกับเสียงเป็นสิ่งที่ Video Creator หลายคนต้องเจอและเสียเวลาไปกับมันเยอะมาก

แต่ Lark Max2 มาพร้อมระบบ Timecode ในตัว ที่จะช่วยซิงค์ภาพกับเสียงให้เราอัตโนมัติ ทำให้งานตัดต่อของคุณเร็วขึ้นแบบเห็นได้ชัด คุณสามารถนำไฟล์เสียงที่บันทึกจากไมค์ไวเลสรุ่่นนี้ไปรวมกับ Footage จากกล้องได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อผ่าน 3.5mm หรือ UAC output ฟีเจอร์นี้ช่วยประหยัดเวลาในการตัดต่อหลังการผลิตได้อย่างมาก ทำให้ขั้นตอนการทำงานของคุณราบรื่นและแม่นยำยิ่งขึ้น
อุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน ได้แก่
- อุปกรณ์มือถือ: รองรับ iPhone และ iPad ทุกรุ่น
- คอมพิวเตอร์: รองรับ Mac ทุกรุ่น
- ซอฟต์แวร์: รองรับ DAW และซอฟต์แวร์แก้ไขทั้งหมดที่รองรับการประมวลผล 32-bit float
- เครื่องผสมเสียง: รองรับ mixing console และ audio interface ที่รองรับการประมวลผล 32-bit float
รองรับการทำงานแบบหลายคน ยืดหยุ่นทุกสถานการณ์

การถ่ายทอดสดหรือการสัมภาษณ์กลุ่ม มักจะต้องใช้อุปกรณ์บันทึกหลายตัว Lark Max 2 สามารถขยายตัวส่งสัญญาณเพิ่มได้ จากชุด Combo ที่มีตัวส่งสัญญาณ 2 ตัวและตัวรับสัญญาณ 1 ตัว หรือในชุด Solo ที่มี 1 ตัวส่งสัญญาณและ 1 ตัวรับสัญญาณ ให้เป็น 4 ตัวส่งสัญญาณและ 1 ตัวรับสัญญาณ หรือแม้กระทั่ง 3 ตัวส่งสัญญาณและ 1 ตัวรับสัญญาณ โดยการซื้อตัวส่งสัญญาณเพิ่มเติม
ข้อดีของความความยืดหยุ่นนี้ จึงทำให้ไมค์สามารถปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ใช้ที่หลากหลายได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการบันทึกเสียงหลายคนในสถานการณ์การผลิตที่แตกต่างกัน

ฟังก์ชันอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อคนทำคอนเทนต์จริงๆ
นอกจากจุดเด่นหลักๆ ที่เล่าไปแล้ว ไมค์ไวเลสรุ่นนี้ยังมีฟังก์ชันอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานจริงของ Video Creator อีกเพียบ
- คุณภาพเสียงระดับ 48kHz/24-bit : ให้เสียงที่คมชัด มีรายละเอียดครบ เหมาะกับการอัดเสียงคุณภาพสูงสำหรับคอนเทนต์ทุกประเภท
- หน้าจอ AMOLED : แสดงข้อมูลสำคัญได้ชัดเจน ทั้งระดับเสียง แบตเตอรี่ และสถานะการเชื่อมต่อ
- แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน : ใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 11 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้งสำหรับตัวส่งสัญญาณ และเมื่อใช้ร่วมกับ Charging Case สามารถใช้งานได้รวมสูงสุดถึง 36 ชั่วโมง ช่วยให้คุณสร้างผลงานได้ตลอดทั้งวันโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด
- ดีไซน์เล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา พร้อม Hover-Clip : มาพร้อมระบบ Hover-Clip ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ไม่เหมือนคลิปสปริงแบบเดิมๆ เพียงแค่ดันแล้วดึงเพื่อหนีบให้เข้าที่ ซึ่งรวดเร็ว ง่ายดาย และมั่นคงสำหรับการถ่ายทำตลอดทั้งงาน นอกจากนี้ยังสามารถติดด้วยแม่เหล็กได้ ให้คุณเลือกวิธีการสวมใส่ได้อย่างยืดหยุ่น
ปรับแต่งการทำงานได้อย่างง่ายดาย
ให้คุณเข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ ได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว สามารถปรับแต่ง 3 ฟังก์ชันลัดบนตัวรับสัญญาณให้เข้ากับสไตล์การทำงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการปรับเกน (gain), การเปลี่ยนโหมดช่องสัญญาณ หรือการเปิดใช้งาน Timecode
อีกทั้งยังรองรับถึง 11 ภาษาบนตัวรับสัญญาณกล้องและแอป LarkSound ทำให้ทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น และฟังก์ชัน RX Lock แบบคลิกเดียว จะช่วยป้องกันการแตะหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ และรักษาการตั้งค่าของคุณให้ปลอดภัย
การอัปเกรดเฟิร์มแวร์ก็ทำได้ง่ายๆ เพียงเชื่อมต่อกล่องชาร์จเข้ากับแอป LarkSound ผ่านบลูทูธ และอัปเกรดทุกอย่างได้ในครั้งเดียว
ราคาและการวางจำหน่าย
Hollyland Lark Max 2 ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ไขจุดอ่อนที่พบในไมโครโฟนไร้สายรุ่นอื่นๆ ในตลาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพเสียง การตัดเสียงรบกวน หรือความสะดวกในการใช้งาน สำหรับราคาเปิดตัว มีดังนี้

- Lark MAX 2 Solo (Black) ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 5,690.00 บาท

- Lark MAX 2 Combo (Black) ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 9,590.00 บาท

- Lark MAX 2 Ultimate Combo (Black) ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 10,990.00 บาท

- Lark MAX 2 Combo 4-Person Version (Black) ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 12,490.00 บาท
เรียกได้ว่าเป็นราคาที่คุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีและประสิทธิภาพที่เราจะได้ และด้วยราคาเปิดตัวนี้ เชื่อว่าไมค์ไวเลสรุ่นนี้จะกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจ Video Creator หลายคนอย่างแน่นอนหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ Facebook Page : Hollyland Thailand