เคยเจอปัญหาไฟสีเพี้ยนจนต้องเสียเวลาแก้สีใน Post-production ไม่รู้จบใช่ไหมคะ ปัญหานี้กำลังจะหมดไปด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก NANLUX ที่บอกเลยว่าจะมาสั่นสะเทือนวงการ
Nebula C8 Light Engine คือหัวใจสำคัญในไฟ NANLUX Evoke 150C และ 600C ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผสมเม็ดสี LED ถึง 8 สี ทำให้สามารถสร้างช่วงอุณหภูมิสีได้กว้างอย่างไม่เคยมีมาก่อน (1,000K – 20,000K) และให้ค่าสีที่เที่ยงตรง สมจริง ครอบคลุมขอบเขตสีมาตรฐานระดับสูงอย่าง Rec.2020 ได้แบบสบายๆ
ในบทความนี้ เราจะพาคุณเจาะลึกไปถึงเทคโนโลยี Nebula C8 ทำความรู้จักและเปรียบเทียบความสามารถของทำให้ไฟทั้ง 2 รุ่นนี้แบบชัดๆ กัน
Nebula C8 Light Engine คืออะไร?
สมัยก่อนไฟ LED ส่วนใหญ่จะใช้แค่ 3-4 สี (เช่น แดง เขียว น้ำเงิน) ในการผสมสีต่างๆ ก็พอใช้ได้ แต่ก็เหมือนจิตรกรที่มีแม่สีแค่ไม่กี่หลอด ทำให้การสร้างเฉดสีที่ซับซ้อนอย่างสีผิวคนหรือสีพาสเทลทำได้ไม่สมจริงเท่าที่ควร

แต่ Nebula C8 Light Engine คือการปฏิวัติไฟ NANLUX รุ่นนี้ที่จัดเต็มด้วยการใช้เม็ดสีถึง 8 สี ได้แก่
- Deep Red
- Red
- Amber
- Lime
- Green
- Cyan
- Blue
- Indigo
ซึ่งการมีวัตถุดิบสีที่หลากหลายขนาดนี้ ทำให้ไฟทั้ง 2 รุ่นนี้สามารถผสมสีได้แม่นยำและอิ่มตัวกว่าไฟทั่วไปหลายเท่าตัว สามารถสร้างอุณหภูมิสีได้กว้างตั้งแต่แสงเทียนอุ่นๆ ที่ 1,000K ไปจนถึงฟ้าใสที่ 20,000K แถมยังปรับค่าเขียว/ม่วง (G/M Shift) ได้ละเอียดยิบ เพื่อให้สีตรงกับไฟยี่ห้ออื่นในกองถ่ายเป๊ะๆ หมดปัญหาแสงโดดไปเลย

แปลค่าสเปกสี CRI, TLCI, TM-30 ให้เข้าใจง่ายใน 1 นาที
- CRI (Color Rendering Index) : ค่าแสงไฟทำให้สีของวัตถุถูกต้องแค่ไหน เทียบกับแสงอาทิตย์
- TLCI (Television Lighting Consistency Index) : บอกว่ากล้องจะเห็นสีเพี้ยนไหม (สำคัญมากสำหรับงานวิดีโอ)
- TM-30: เป็นมาตรฐานใหม่ที่บอกทั้งความเที่ยงตรงของสี (Rf) และความอิ่มของสี (Rg)
พูดง่ายๆ คือ ยิ่งคะแนนสูง (เต็ม 100) ยิ่งดี ซึ่ง Evoke Series ก็ทำคะแนนได้แบบหล่อๆ เลยค่ะ
| ค่ามาตรฐานสี | คะแนนของ Evoke 150C & 600C |
| CRI (เฉลี่ย) | 96 |
| TLCI (เฉลี่ย) | 97 |
| TM-30 Rf (ความเที่ยงตรง) | 96 |
| TM-30 Rg (ความอิ่มสี) | 100 |
โดยเฉพาะ Evoke 600C ที่ครอบคลุมขอบเขตสี Rec.2020 ได้ถึง 92% นี่คือมาตรฐานสำหรับงานภาพยนตร์ยุคใหม่เลยทีเดียว

เจาะลึก NANLUX Evoke 150C : พลัง Full-Color ฉบับพกพา

มาดูน้องเล็กกันก่อนกับ บอกเลยว่าเล็กพริกขี้หนูของจริง
สเปกเด่นที่ต้องรู้
- กำลังไฟ : 150W
- น้ำหนัก : เบาหวิวแค่ 2.11 กิโลกรัม (เฉพาะตัวไฟ) พกพาสะดวกสุดๆ
- พลังงาน : ยืดหยุ่นมาก ใช้ได้ทั้งไฟบ้าน (AC) แบต V-mount หรือแม้แต่ Power Bank ผ่าน USB-C PD 3.0
- ความสว่าง : เมื่อใส่ Reflector 25° ที่ระยะ 1 เมตร ให้ความสว่างถึง 83,500 lux สว่างเหลือเฟือ
เหมาะกับงานประเภทไหน?
ด้วยความคล่องตัวสูง ไฟรุ่นนี้จึงเป็นคู่หูในอุดมคติของเหล่า Owner-operator Vlogger ทีมข่าวภาคสนาม หรือกองถ่ายขนาดเล็กที่ต้องการความรวดเร็ว จะใช้เป็นแสงหลัก (Key) แสงเสริม (Fill) หรือสร้างขอบแสง (Rim) ก็ทำได้เนียนๆ
ระบบเมาท์ FE และความเข้ากันได้กับอุปกรณ์เสริม
ไฟรุ่นนี้มาพร้อม FE Mount รุ่นใหม่ แต่ข่าวดีคือมันยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริม FM Mount เดิมได้ด้วย ใครมีของเก่าอยู่ยิ้มได้เลย
เจาะลึก NANLUX Evoke 600C : กำลังไฟหลักสำหรับโปรดักชั่นใหญ่
ถึงคิวพี่ใหญ่ ไฟรุ่นนี้คือคำตอบสำหรับใครที่ต้องการพลังแสงแบบจัดเต็มสำหรับโปรดักชั่นระดับท็อป
สเปกที่เหนือกว่า
- กำลังไฟ : สูงถึง 600W
- โครงสร้าง : แข็งแกร่งด้วยแมกนีเซียมอัลลอยด์ พร้อม Yoke ที่มีรางปรับสมดุลสำหรับอุปกรณ์เสริมหนักๆ
- พลังงาน : รองรับไฟบ้าน (AC) และไฟ DC 48V สำหรับงานนอกสถานที่
- ความสว่าง : เมื่อใช้ Reflector 25° ที่ระยะ 1 เมตร ให้ความสว่าง สูงกว่า 300,000 lux สู้แดดได้สบาย
ใครคือผู้ใช้งานหลัก ?
แน่นอนว่าต้องเป็น Production House ขนาดใหญ่ กองถ่ายภาพยนตร์ งานโฆษณา หรืองาน Live Production ที่ต้องการไฟหลักที่ทรงพลังและเชื่อถือได้สูงสุด
นวัตกรรม BE Mount

ไฟรุ่นนี้ใช้ BE Mount ที่ฉลาดสุดๆ สามารถคุย กับอุปกรณ์เสริมที่ใส่เข้าไปได้ ทำให้จดจำ แก้ไขสี หรือแม้แต่จ่ายไฟให้ Motorized Fresnel ได้โดยตรง และที่สำคัญ ยังใช้กับอุปกรณ์เสริม Bowens Mount ยอดนิยมได้อีกด้วย
Evoke 150C และ 600C ต่างกันอย่างไร?
เพื่อให้เห็นภาพชัด เราสรุปความแตกต่างหลักๆ มาให้ในตารางนี้
| คุณสมบัติ | Evoke 150C | Evoke 600C |
| กำลังไฟ | 150W | 600W |
| น้ำหนัก (ตัวไฟ) | 2.11 kg | 7.26 kg |
| แหล่งพลังงาน | AC, V-mount, USB-C PD | AC, DC 48V |
| ระบบ Mount | FE Mount (เข้ากับ FM) | BE Mount (เข้ากับ Bowens) |
| เหมาะสำหรับ | งานคล่องตัว กองเล็ก Run & Gun | โปรดักชั่นใหญ่ ไฟหลัก สู้แดด |
ฟีเจอร์ร่วมที่ทำให้ Evoke Series เป็น Game-Changer ของวงการ
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ทั้งคู่มี DNA แห่งความเป็นมืออาชีพเหมือนกันเป๊ะๆ

ทนทานทุกสภาวะด้วยมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP66
ฝนจะตก แดดจะออก หรือฝุ่นจะเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น มาตรฐาน IP66 ทำให้คุณเอาไฟไปลุยได้ทุกที่อย่างสบายใจ ไม่ต้องคอยกางเต็นท์คลุมอีกต่อไป
ควบคุมง่าย ปรับได้ดั่งใจผ่านหลายช่องทาง
อยากจะหมุนที่ตัวเครื่อง กดผ่านแอป NANLINK APP 2.0 หรือจะต่อเข้ากับระบบ DMX/CRMX ของกองถ่ายมืออาชีพ ก็ทำได้หมด ตอบโจทย์ทุก Workflow การทำงาน
ทำงานเงียบสนิทด้วย 5 โหมดพัดลมอัจฉริยะ
หมดปัญหากวนใจทีมเสียง ในโหมด Smart พัดลมของ 150C ดังแค่ 24 เดซิเบล (เบากว่าเสียงกระซิบ) ส่วน 600C ก็ดังเพียง 31 เดซิเบล ทำให้วางไฟไว้ใกล้ตัวแบบได้สบายๆ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q2: สามารถใช้อุปกรณ์เสริมของ Bowens Mount กับ Evoke 600C ได้หรือไม่?
A: ได้เลย Evoke 600C ที่ใช้ BE Mount ถูกออกแบบมาให้เข้ากันได้กับอุปกรณ์เสริมของ Bowens Mount ที่เป็นที่นิยมในตลาด
Q3: ระบบระบายความร้อนเสียงดังรบกวนการถ่ายทำหรือไม่?
A: ไม่เลย ทั้ง 2 รุ่นมีโหมดพัดลม Smart ที่ทำงานเงียบมาก โดย 150C มีเสียงเพียง 24 dB(A) และ 600C มีเสียง 31 dB(A) ซึ่งเบาพอที่จะใช้งานใกล้ไมโครโฟนได้
Q4: ไฟ Evoke 150C สามารถใช้ Power Bank มือถือชาร์จได้หรือไม่?
A: สามารถใช้ได้ผ่านช่อง USB-C PD 3.0 โดยต้องเป็นแหล่งจ่ายไฟที่ให้กำลังไฟขั้นต่ำ 60W ซึ่ง Power Bank สำหรับแล็ปท็อปบางรุ่นสามารถทำได้
Q5: ในชุดมาตรฐานของ Evoke 150C และ 600C มีอะไรให้บ้าง?
A: ชุดมาตรฐานของทั้ง 2 รุ่นจะประกอบด้วยตัวไฟ, Yoke, Reflector, สาย AC Power, และกระเป๋า/เคสสำหรับจัดเก็บ (รายละเอียดอาจแตกต่างกันเล็กน้อยในแต่ละชุด)
ก่อนตัดสินใจ ให้ถามตัวเองว่า 80% ของงานเราเป็นแบบไหน ถ้าต้องการความเร็วและยืดหยุ่นเป็นหลัก 150C คือคำตอบ แต่ถ้าคุณต้องการไฟหลักที่ทรงพลังสำหรับทุกสถานการณ์ การลงทุนกับ 600C จะคุ้มค่าในระยะยาวแน่นอนค่ะ
สั่งซื้อสินค้าได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Inbox : Nanlite Thailand by COB







