เอาจริงๆ นะคะ พวกเรากำลังอยู่ในยุคที่ความคมมันดาษดื่นไปหมด เลนส์มือถือก็คมกริบ AI ก็สร้างภาพที่คมชัดได้ในไม่กี่วินาที คำถามคือ แล้วไงต่อ
Content Creator Youtuber หรือ Videographer เราต่างรู้ดีว่าความ Perfect ที่ไร้ชีวิต มันก็น่าเบื่อเหมือนกันสิ่งที่พวกเรากำลังโหยหาไม่ใช่แค่ความคม แต่คือ คาแรคเตอร์หรือที่บางคนเรียกว่า จิตวิญญาณของเลนส์มันคือลายเซ็นพิเศษบางอย่างที่แยกระหว่างภาพที่คมแต่ไร้ชีวิตออกจากภาพที่มีชีวิตและเล่าเรื่องได้
และนี่คือจุดที่ Sirui Aurora 35mm F1.4 ก้าวเข้ามาค่ะ เลนส์ตัวนี้ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นแค่อีกหนึ่งเลนส์ F1.4 ที่คม แต่มันถูกสร้างมาเพื่อเป็น เครื่องมือสร้างคาแรคเตอร์ โดยมี 2 อย่างที่ชัดเจนมากๆ การเรนเดอร์โบเก้ และการเรนเดอร์สีสัน
พลังของใบเบลดรูรับแสง 13 ใบ
คาแรคเตอร์ของภาพไม่ได้ถูกตัดสินจากสิ่งที่อยู่ในระนาบโฟกัสเท่านั้น แต่ยังวัดผลจากสิ่งที่อยู่นอกโฟกัส หรือ ฉากหลังด้วย

หลายคนอาจคุ้นเคยกับโบเก้ (Bokeh) ที่เบลอ แต่ดูแข็ง หรือกระด้าง ดวงไฟในฉากหลังปรากฏเป็นรูปหลายเหลี่ยมที่ดูรกตา ซึ่งในวงการมืออาชีพเรียกว่า Nervous Bokeh ปรากฏการณ์นี้มักเกิดจากเลนส์ที่มีใบเบลดรูรับแสงน้อย (เช่น 7 หรือ 9 ใบ)
Sirui Aurora เลือกใช้ ใบเบลดรูรับแสงถึง 13 ใบ (13 Aperture Blades) ซึ่งมากกว่ามาตรฐานทั่วไปในตลาด
การมีใบเบลดจำนวนมาก ช่วยให้รูรับแสงคงความกลม ได้ใกล้เคียงวงกลมที่สมบูรณ์แบบที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้คือการไล่โทนจากจุดชัดไปหาเบลอ (Focus Falloff) ที่มีความนุ่มนวลอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทาง Sirui เองก็ยืนยันว่านี่คือหัวใจของการสร้าง Creamy Bokeh ให้ความรู้สึกเหมือนการเกลี่ยสีน้ำ มากกว่าการขีดเส้นตัดแบ่ง
ลายเซ็นที่ ชวนฝัน (Dreamy Look) นี้เอง ที่ทำให้ดวงไฟโบเก้ยังคงความกลมสวยงาม สร้างมิติที่ดูเหนือจริง และยกระดับผลงานให้ดูมีราคาทันที นี่คือลายเซ็นแรกของคาแรคเตอร์ ที่ช่วยให้ตัวแบบแยกออกจากฉากหลังได้อย่างมีศิลปะ
การแสวงหาสีสันที่สมจริง
Creator มือใหม่อาจประทับใจกับสีสันที่ สด หรือ จัดจ้าน จบหลังกล้อง แต่สำหรับมืออาชีพที่ต้องทำงานต่อในกระบวนการ Post-Production สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือ สีที่สมจริง

สีที่สมจริงและมีมิติ คือ ผืนผ้าใบ (Canvas) ที่สะอาดที่สุด สำหรับการนำไปสร้างสรรค์ต่อในซอฟต์แวร์ Color Grading ไม่ว่าจะเป็น DaVinci Resolve หรือ Lightroom
ชิ้นแก้วพิเศษ HRI, ED และ SED
การเปิดรับแสง F1.4 เปรียบเหมือนการเปิดประตูรับแสงจำนวนมหาศาล หากเลนส์ไม่สามารถจัดการแสงนั้นได้ แสงสีต่างๆ จะเกิดการหักเหที่ไม่พร้อมเพรียงกัน ส่งผลให้เกิดความคลาดสี (Chromatic Aberration) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ขอบม่วง และ ขอบเขียว ซึ่งเป็นศัตรูตัวฉกาจของสีสันที่สมจริง
นี่คือจุดที่ Sirui Aurora พิสูจน์ความสามารถ จากข้อมูลจำเพาะ เลนส์นี้ถูกสร้างขึ้นด้วยโครงสร้างชิ้นแก้ว 16 ชิ้นใน 11 กลุ่ม (16 Elements in 11 Groups) และอัดแน่นไปด้วยชิ้นแก้วพิเศษหลากชนิด ทั้ง Aspherical, HRI (High Refractive Index) Glass, ED (Extra-low Dispersion) Glass และ SED (Super Extra-low Dispersion) Glass
ชิ้นแก้วพิเศษเหล่านี้ ทำหน้าที่เปรียบเสมือนระบบจัดการจราจรของแสง ที่แม่นยำ คอยบังคับให้แสงแต่ละสี (แดง เขียว น้ำเงิน) เดินทางมาตกกระทบเซ็นเซอร์ในจุดเดียวกันพอดี
ผลลัพธ์ คือ แม้จะถ่ายภาพในที่มืดด้วย F1.4 การมองเห็นนั้นก็จะไม่ไร้ความหมาย คุณจะได้ไฟล์ภาพที่สะอาดตา สีไม่เพี้ยน และปราศจากความคลาดสีมารบกวน นี่คือบทพิสูจน์ของ สีสันที่สมจริง ที่ผ่านการทดสอบมาแล้ว
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Sirui Aurora 35mm F1.4
การโฟกัสที่รวดเร็ว เงียบ และคงที่
หัวใจของเลนส์ออโต้โฟกัสยุคใหม่ คือ มอเตอร์ Sirui Aurora เลือกใช้ STM (Stepping Motor) ที่ให้การโฟกัสที่รวดเร็ว เงียบ และแม่นยำ

ระบบนี้รองรับฟีเจอร์สำคัญอย่าง Eye AF (Eye Autofocus) และ Object Tracking ช่วยให้ Creator สามารถติดตามวัตถุที่เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นใจ
ที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Videographer คือ การออกแบบเลนส์ให้มีอาการ Minimal Focus Breathing ซึ่งช่วยรักษาองค์ประกอบภาพให้นิ่งคงที่ แม้ในขณะที่มีการเปลี่ยนระนาบโฟกัสจากใกล้ไปไกล
การควบคุมระดับมืออาชีพที่ปลายนิ้ว
เลนส์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ Hybrid Shooter อย่างแท้จริง สะท้อนผ่านการควบคุมทางกายภาพที่ครบครัน
มีสวิตช์ AF/MF สำหรับการสลับโหมดโฟกัสอย่างรวดเร็ว มีปุ่ม AFL (Auto Focus Lock) ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งฟังก์ชันได้ตามต้องการ

จุดเด่นสำคัญคือ วงแหวนรูรับแสง (Aperture Ring) ที่มาพร้อมสวิตช์ Click On/Off ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ช่างภาพนิ่งเลือกสัมผัสแบบ Click ที่แม่นยำ ในขณะที่ Videographer สามารถเปลี่ยนเป็นโหมด Stepless (De-click) เพื่อการปรับแสงที่เงียบและนุ่มนวลระหว่างการบันทึกวิดีโอ นอกจากนี้ยังมีสวิตช์ Iris Lock เพื่อป้องกันไม่ให้รูรับแสงเปลี่ยนโดยไม่ตั้งใจ
โครงสร้างที่ทนทานและคล่องตัว
แม้จะเป็นเลนส์ F1.4 ที่มีโครงสร้างชิ้นแก้วซับซ้อน แต่ Sirui Aurora ยังคงรักษาน้ำหนักที่คล่องตัว (เริ่มต้นเพียง 490 กรัม สำหรับ E mount) ทำให้เหมาะสำหรับการถ่ายแบบ Handheld หรือการใช้งานร่วมกับ Gimbal
โครงสร้างภายนอกได้รับการปกป้องแบบ Triple Protection ด้วยการซีลกันละอองน้ำและฝุ่นในจุดสำคัญ (Weather-sealed) พร้อมการเคลือบผิวหน้าเลนส์แบบ Anti-smudge เพื่อป้องกันรอยนิ้วมือและคราบน้ำมัน
ท้ายเลนส์ยังมีพอร์ต USB-C สำหรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์ในอนาคต
ความอเนกประสงค์ในการใช้งาน
เลนส์นี้ยังเพิ่มความอเนกประสงค์ด้วย ระยะโฟกัสใกล้สุดที่ 0.35 เมตร (Minimum Focus Distance) ช่วยให้ Creator สามารถเข้าใกล้วัตถุได้มากขึ้นเพื่อสร้างมุมมองที่น่าสนใจ
และด้วยการรองรับที่ครอบคลุมกล้อง Full Frame และ APS-C ถึง 4 เมาท์หลัก ได้แก่ E, L, X, และ Z Mount จึงทำให้ Sirui Aurora เป็นตัวเลือกที่พร้อมสำหรับผู้สร้างสรรค์ในหลากหลายแพลตฟอร์ม
สรุปได้ว่า Sirui Aurora 35mm F1.4 ไม่ใช่แค่เลนส์ 35mm ที่คมและสว่างอีกหนึ่งตัวในตลาด
แต่มันคือ เครื่องมือสร้างคาแรคเตอร์ ที่มีลายเซ็นชัดเจน สำหรับผู้สร้างสรรค์ผลงานที่มองข้ามความสมบูรณ์แบบทางเทคนิค และกำลังค้นหา จิตวิญญาณ ในภาพถ่ายของตนเอง
อ่านข้อมูล SIRUI Aurora 85mm F1.4 FF เลนส์ Portrait ฟูลเฟรมที่เบากว่าใคร!
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q1: คาแรคเตอร์เลนส์ (Lens Character) คืออะไร
A: คาแรคเตอร์เลนส์ คือ บุคลิก หรือ ลายเซ็นเฉพาะตัวของเลนส์ ที่แสดงออกผ่านการเรนเดอร์ภาพ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของโบเก้ (นุ่มนวลหรือแข็งกระด้าง) โทนสี (อุ่นหรือเย็น) ระดับคอนทราสต์ หรือแม้แต่ลักษณะของแสงแฟลร์ (Flare) มันคือสิ่งที่สร้าง อารมณ์ (Mood) ให้กับภาพ ซึ่งแตกต่างจาก ความคมชัด (Sharpness) ที่เป็นเพียงการวัด รายละเอียด (Detail)
Q2: ใบเบลดรูรับแสง 13 ใบ (13 Aperture Blades) ดีกว่า 9 ใบ อย่างไร
A: ยิ่งจำนวนใบเบลดรูรับแสงมีมากเท่าใด รูปทรงของรูรับแสง (Aperture) จะยิ่งคงความกลม ได้มากเท่านั้น (เปรียบเทียบรูป 9 เหลี่ยม กับ 13 เหลี่ยม) ความกลมนี้ส่งผลโดยตรงให้โบเก้ (ดวงไฟที่เบลอ) มีลักษณะกลม และนุ่มนวล (Creamier) ไม่ปรากฏเป็นเหลี่ยมมุมที่แข็งกระด้าง ทำให้ฉากหลังดูสบายตาและช่วยให้ตัวแบบโดดเด่นอย่างมีมิติมากขึ้น
Q3: ชิ้นแก้ว ED/HRI/SED สำคัญจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่การตลาด
A: มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเลนส์ที่มีรูรับแสงกว้าง (Fast Lens) อย่าง F1.4 ชิ้นแก้วพิเศษเหล่านี้ (เช่น ED – Extra-low Dispersion) มีหน้าที่หลักในการ ลดความคลาดสี หรือ ขอบม่วง (Chromatic Aberration) ทำให้เลนส์สามารถส่งผ่านสีที่สมจริง และยังคงความคมชัดได้สูงแม้จะเปิดรูรับแสงกว้างสุด นี่จึงเป็นคุณสมบัติทางฟิสิกส์ ไม่ใช่เพียงการตลาด
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://store.sirui.com/products/sirui-aurora-series-35mm-f1-4-full-frame-autofocus-lens?srsltid=AfmBOop8qPKWTyHGEQWsVltur27UUoUMTDnnPsAeHJaAv0mNbR6wLTJF#description







