เวลาถ่ายหนัง ถ่ายวิดีโอ หรือทำรายการต่างๆ การที่เราได้เห็นภาพจากกล้องแบบ Real-Time ทันที คือเรื่องสำคัญมากๆ เลยใช่ไหมคะ ผู้กำกับก็อยากดูว่าภาพที่เห็นเป็นไง ตากล้องก็อยากเช็คว่าแสงได้ไหม โฟกัสเข้าหรือเปล่า เทคโนโลยี Wireless Video หรือระบบส่งสัญญาณวิดีโอแบบไร้สายนี่แหละค่ะ ที่เข้ามาช่วยตรงนี้ ทำให้เราเห็นภาพจากกล้องได้เลยบนจอที่เราถืออยู่ โดยไม่ต้องมีสายเกะกะ เดินไปไหนมาไหนในกองถ่ายก็สะดวกขึ้นเยอะ
ระบบ Wireless Video ดีตรงที่ทำให้คนในกองถ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ ตากล้อง หรือคนอื่นๆ เห็นภาพจากกล้องได้พร้อมกันบนจอใครจอมัน ทำให้คุยกันได้ง่าย ปรับแก้กันได้เร็ว แถมยังช่วยให้เราไปตั้งกล้องในที่ที่สายไปไม่ถึง หรือถ่ายมุมยากๆ ได้ง่ายขึ้นด้วย
แต่ก่อนจะตัดสินใจซื้อหรือเช่ามาใช้ มีเรื่องสำคัญ 3 อย่างที่เราควรรู้และทำความเข้าใจก่อน เพื่อให้เลือกระบบที่เหมาะกับงานของเราจริงๆ มาดูกันเลยว่า 3 อย่างนั้นมีอะไรบ้าง

3 เรื่องหลักที่ต้องดู ก่อนตัดสินใจเลือกใช้ Wireless Video ในกองถ่าย
1. Latency (ความหน่วง) : ภาพมาช้าแค่ไหน คือเรื่องใหญ่
Latency คือความช้าของภาพที่เราเห็นบนจอมอนิเตอร์ เมื่อเทียบกับเหตุการณ์จริงที่กล้องกำลังถ่ายอยู่ ลองนึกภาพว่ากล้องกำลังถ่ายนักแสดงเดินเข้ามา แล้วภาพบนจอเรามาช้าไปนิดนึง นั่นแหละคือความหน่วง ค่ายิ่งน้อย ยิ่งดีมาก แปลว่าภาพที่เราเห็นมันแทบจะตรงกับเวลาจริงเลย
เรื่องความหน่วงต่ำ สำคัญมากๆ โดยเฉพาะกับคนทำหน้าที่ “ดึงโฟกัส” (Focus Puller) ที่ต้องคอยหมุนปรับเลนส์ให้ภาพชัดตามการเคลื่อนไหวของคนหรือของในเฟรม ถ้าภาพบนจอมอนิเตอร์ที่เขาดูมาช้าแค่เสี้ยววินาทีเดียว ก็อาจทำให้จังหวะการปรับโฟกัสพลาด ภาพเบลอได้ง่ายๆ
ไม่ใช่แค่คนดึงโฟกัส ผู้กำกับหรือตากล้องเองก็อยากเห็นภาพแบบ Real-Time ทันที เพื่อจะได้บอกให้ปรับแก้แสง มุมกล้อง หรือองค์ประกอบอื่นๆ ได้ทันท่วงที การที่ภาพมาเร็ว ไม่มีหน่วง ช่วยให้การทำงานประสานกันในกองถ่ายง่ายขึ้นเยอะ และลดความผิดพลาดที่ต้องมาตามแก้ทีหลังได้ดี
2. Range (ระยะทาง) : ยิ่งไกล ยิ่งมีอิสระในการครีเอท
Range คือระยะห่างสูงสุดที่ระบบ Wireless Video ของเรายังสามารถส่งสัญญาณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยนี้สำคัญมากเมื่อเราต้องทำงานในพื้นที่ขนาดใหญ่ ฉากที่มีระยะห่างจากกล้องมากๆ หรือเมื่อต้องการถ่ายทำจากมุมที่อยู่ไกลจากจุดมอนิเตอร์หลัก
ระบบที่มี Range ไกลเพียงพอ จะช่วยให้ทีมงานมีความยืดหยุ่นในการทำงานสูงขึ้นมาก เช่น สามารถตั้งมอนิเตอร์ของผู้กำกับในห้องควบคุมที่อยู่ห่างออกไป ใช้กล้องบนเครนหรือ Dolly ในระยะที่กว้างขึ้น หรือแม้แต่ควบคุมกล้องบนโดรนเพื่อถ่ายภาพมุมสูงที่สวยงามจากระยะไกล โดยที่สัญญาณภาพยังคงส่งมาถึงมอนิเตอร์ได้อย่างชัดเจนและไม่ขาดหาย
Range ที่เพียงพอจึงไม่ใช่แค่เรื่องของระยะทาง แต่เป็นเรื่องของการเปิดพื้นที่และมุมมองใหม่ๆ ให้กับการสร้างสรรค์ในกองถ่ายนั่นเอง
3. Reliability (ความน่าเชื่อถือของสัญญาณ) : สัญญาณต้องนิ่ง ไม่หลุด ไม่สะดุด
Reliability หรือความน่าเชื่อถือของสัญญาณ หมายถึงความสามารถของระบบในการส่งสัญญาณวิดีโอได้อย่างเสถียร ต่อเนื่อง และทนทานต่อสัญญาณรบกวนต่างๆ ในสภาพแวดล้อมการถ่ายทำจริง ซึ่งมักจะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ สัญญาณ Wi-Fi คลื่นวิทยุ หรือสิ่งกีดขวางทางกายภาพอย่างกำแพงหรือโครงสร้างต่างๆ
ระบบที่มี Reliability สูงจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสัญญาณภาพจากกล้องจะไม่หลุด ไม่กระตุก หรือมีปัญหาสัญญาณอ่อนจนดูภาพไม่ได้ในระหว่างการถ่ายทำ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากสัญญาณภาพหลุดในจังหวะสำคัญ อาจทำให้ทีมงานพลาดช็อตเด็ด หรือต้องหยุดการถ่ายทำเพื่อแก้ไขปัญหา ทำให้เสียเวลาและงบประมาณได้
ความน่าเชื่อถือของสัญญาณที่ดีต้องอาศัยเทคโนโลยีการส่งสัญญาณที่แข็งแกร่ง การเลือกใช้คลื่นความถี่ที่เหมาะสม และความสามารถในการจัดการกับสัญญาณรบกวนต่างๆ เพื่อให้การมอนิเตอร์เป็นไปอย่างราบรื่นและต่อเนื่องตลอดการถ่ายทำ

ถ้า 3 ข้อนี้ดี งานในกองถ่ายก็ราบรื่นขึ้นเยอะ
พิจารณาถึง Latency, Range, และ Reliability อย่างรอบคอบ จะส่งผลดีอย่างมากต่อกระบวนการผลิตโดยรวม
Latency ที่ต่ำช่วยให้การตัดสินใจรวดเร็ว ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากความล่าช้า
Range ที่กว้างช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดวางกล้องและการเคลื่อนที่
Reliability ที่สูงช่วยให้งานไม่สะดุด ลดเวลาที่ต้องเสียไปกับการแก้ไขปัญหาสัญญาณ
ทั้งหมดนี้นำไปสู่การทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประหยัดเวลาในการถ่ายทำ และช่วยควบคุมคุณภาพงานให้ออกมาดีที่สุด ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ส่งผลดีต่อทั้งตารางการถ่ายทำและงบประมาณการผลิตด้วย
สรุป
Wireless Video เป็นเครื่องมือที่ดีมากๆ สำหรับกองถ่ายยุคนี้ ที่ช่วยให้เราทำงานกับแสงและภาพได้ง่ายขึ้น แต่ก่อนที่เราจะตัดสินใจเลือกระบบไหนมาใช้ สิ่งสำคัญที่เราต้องทำความเข้าใจให้ถ่องแท้คือ 3 เรื่องสำคัญนี้คือ Latency (ความหน่วง), Range (ระยะทำการ), และ Reliability (ความน่าเชื่อถือ) ของสัญญาณ อย่าง Hollyland Cosmo C2 ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ช่วยให้เราเห็นภาพแบบ Real-Time ได้สบาย
ลองดูว่างานที่เราจะทำเป็นแบบไหน ต้องการความเป๊ะแค่ไหน ต้องถ่ายไกลไหม หรือไปถ่ายในที่ๆ สัญญาณเยอะหรือเปล่า แล้วค่อยเลือกที่ตอบโจทย์ 3 ข้อนี้ให้ได้มากที่สุด รับรองว่าคุณจะได้ตัวช่วยที่ดี ที่ทำให้การถ่ายทำของคุณราบรื่น และได้ผลงานที่เจ๋งสุดๆ แน่นอน
อ้างอิงข้อมูลจาก