Saramonic Ultra ไมค์ไวเลสระดับ Flagship ที่พัฒนาต่อยอดความสำเร็จจากซีรีส์ Blink500/900 บอกเลยว่าตัวนี้ไม่ธรรมดา จัดเต็มทั้งคุณภาพเสียง ดีไซน์ และเทคโนโลยีล้ำๆ ที่จะมายกระดับมาตรฐานวงการไมค์ไวเลสไปอีกขั้น
ไม่ว่าจะเป็นสาย Content Creator, Vlogger, Livestreamer, ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์, พิธีกร, ช่างภาพ, นักข่าว, ครู อาจารย์ หรือใครก็ตามที่ต้องการคุณภาพเสียงขั้นเทพ บอกเลยว่า ตอบโจทย์แน่นอน
มาดูกันค่ะว่าไมค์รุ่นนี้มีดีไซน์และฟีเจอร์อะไรบ้างที่ทำให้โดดเด่นเหนือคู่แข่ง
Saramonic Ultra ดีไซน์เหนือระดับ ทนทาน ใช้งานสะดวก
Saramonic Ultra ใส่ใจทุกรายละเอียดในการออกแบบ โดยตัวส่งสัญญาณ ตัวรับสัญญาณ และเคสชาร์จ มาในดีไซน์หรูหรา วัสดุผิวสัมผัสแบบหนัง ให้ฟีลลิ่งแบบมืออาชีพ แถมยังสลักเลเซอร์เพิ่มความแข็งแรงทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วนอีกต่างหาก บอกเลยว่าจับแล้วรู้สึกถึงความพรีเมียมขึ้นมาทันที
และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเอกลักษณ์ของ Saramonic กับปุ่มควบคุมและไฟแสดงสถานะแบบวงกลม สไตล์ “Totem” ที่สืบทอดมาจากซีรีส์ Blink500 ดูเท่ ใช้งานง่าย ส่วนบนเคสชาร์จก็มีไฟ LED แสดงสถานะ ที่ผสานรวมกับโลโก้ Saramonic ได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าสวยงาม ใช้งานสะดวก ครบเครื่องจริงๆ
ไมค์ไวเลสฟีเจอร์ระดับมืออาชีพ ที่เหนือกว่า
บันทึกเสียงได้ทุกสถานการณ์ แม้เสียงดังระดับเครื่องบินเจ็ท
สามารถรองรับการบันทึกเสียงที่ระดับความดังสูงถึง 130 dB SPL ซึ่งเทียบเท่ากับเสียงของเครื่องบินเจ็ท การแสดงดนตรีร็อค หรือการแข่งรถ โดยที่คุณภาพเสียงยังคงความชัดใส ไม่แตก ไม่เพี้ยน เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นงานอีเวนท์ขนาดใหญ่ คอนเสิร์ต หรือการถ่ายทำกลางแจ้งที่มีเสียงรบกวนสูง
Timecode ตัวช่วยเทพ สำหรับงาน Multi-Camera
หนึ่งในฟีเจอร์เด็ดที่ช่วยประหยัดเวลาในการตัดต่อคือระบบ Timecode ที่ช่วยซิงโครไนซ์เวลาการบันทึกให้ตรงกันในทุกกล้อง ทุกอุปกรณ์ แม้จะกดอัดไม่พร้อมกัน คุณก็สามารถวางคลิปลงไทม์ไลน์ได้อย่างแม่นยำ ไม่ต้องเสียเวลาซิงค์เสียงในขั้นตอนหลังการผลิต เหมาะสำหรับงานถ่ายทำที่ใช้กล้องหลายตัว หรือการถ่ายทอดสดที่ต้องการความแม่นยำสูง
เสาอากาศภายนอก ถอดเปลี่ยนได้ เพิ่มความแรงของสัญญาณ
มาพร้อมเสาอากาศ 2.4 GHz คุณภาพสูงที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มความเสถียรและต้านทานสัญญาณรบกวนได้อย่างดีเยี่ยม รองรับระยะการใช้งานไกลถึง 300 เมตร ทำให้คุณสามารถถ่ายทำได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำกลางแจ้ง งานอีเวนท์ขนาดใหญ่ หรือการไลฟ์สตรีมที่ต้องการความเสถียรสูง
นวัตกรรมเสียงขั้นสูงที่ยกระดับคุณภาพงาน
ระบบบันทึกเสียง 32-bit Float ระดับสตูดิโอ
ในโหมดบันทึกเสียงในตัว (Onboard Recording) รองรับการบันทึกเสียงในระบบ 32-bit float ที่ให้บันทึกช่วงไดนามิกที่กว้าง แม้เสียงจะดัง 0 dB ก็ยังสามารถเก็บรายละเอียดเสียงได้ครบถ้วน บันทึกเป็นไฟล์ WAV คุณภาพสูง ให้คุณสามารถปรับแต่งในโปรแกรมตัดต่อได้อย่างอิสระ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการคุณภาพเสียงระดับมืออาชีพ
เทคโนโลยี ClearVoice™ นวัตกรรมการจัดการเสียงรบกวนขั้นเทพ
ปรับระดับได้ถึง 3 ระดับ ผ่านแอปพลิเคชัน มีโหมด Voice Boost ช่วยเพิ่มความชัดเจนของเสียงพูด และโหมด Low-Cut ช่วยลดเสียงรบกวนความถี่ต่ำ แถมยังมีระบบปรับ Gain อัตโนมัติ ที่ปรับตามสภาพแวดล้อม ไม่ต้องมานั่งปรับเองให้เสียเวลา
หน้าจอ AMOLED ระบบสัมผัสที่ใช้งานง่าย
หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.1 นิ้ว ให้ความละเอียดสูง อัตรารีเฟรชเร็ว ผสานการใช้งานกับปุ่มหมุนควบคุมได้อย่างลงตัว ทำให้การปรับแต่งค่าต่างๆ ทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว แม้ในขณะถ่ายทำ
มาตรฐานการกันน้ำระดับ IPX5
ตัวส่ง (TX) ได้รับมาตรฐานกันน้ำ IPX5 มาพร้อมเมมเบรนกันน้ำที่ไมค์ในตัว และปุ่มกดแบบ dual injection ที่ทนน้ำได้ดี ทำให้สามารถใช้งานได้แม้ในสภาพอากาศที่มีฝนตกเบาถึงปานกลาง
(หมายเหตุ: เฉพาะตัวส่งเท่านั้นที่มีคุณสมบัติกันน้ำ)
ความจุแบตเตอรี่และหน่วยความจำที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
- หน่วยความจำขนาด 8 GB สำหรับบันทึกเสียงในตัว (Onboard Recording)
- รองรับการบันทึกเสียงนานถึง 15 ชั่วโมงสำหรับไฟล์ WAV 48 kHz 24-bit
- บันทึกเสียงได้นาน 10 ชั่วโมงสำหรับไฟล์ WAV 48 kHz 32-bit float
ราคาเปิดตัวและรุ่นที่วางจำหน่าย
- SARAMONIC Ultra (มีให้เลือก 2 สี : ขาว และ ดำ) ราคา 10,990 บาท
- SARAMONIC Ultra พร้อม Lavalier Mic (มีให้เลือก 2 สี : ขาว และ ดำ) ราคา 11,990 บาท
In The Box
เป็นยังไงกันบ้างคะ Saramonic Ultra ไมค์ไวเลสตัวท็อปที่มาแนะนำในวันนี้ บอกเลยว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ฟีเจอร์ครบครัน ตอบโจทย์ทุกการใช้งานของมืออาชีพ ใครที่กำลังมองหาไมค์ไวเลสคุณภาพสูง แนะนำเลยค่ะ
สามารถสั่งซื้อได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Inbox เพจ Saramonic Thailand