เคยมั้ย? อัดคลิปข้างนอกทีไร ได้ยินแต่เสียงรถ เสียงลม แทรกเข้ามาตลอด หรือบางทีอัดในห้องแอร์ เสียงแอร์ก็ดังจนกลบเสียงพูดซะหมด เสียดายคอนเทนต์ดีๆ
นี่คือเรื่องสำคัญที่คนทำคอนเทนต์ทุกคนเข้าใจ เพราะ “เสียง” คือหัวใจสำคัญ ไม่ว่าจะ Live Vlog สัมภาษณ์ หรือคลิป TikTok เสียงที่คมชัดดึงดูดคนดูให้อยู่กับเรานานขึ้น
วันนี้ เรามีตัวช่วยเด็ด Saramonic Blink500 B2+ ไมโครโฟนไร้สายที่ออกแบบมา เพื่อตอบโจทย์ทุกสภาพการถ่ายทำ มาพร้อมฟีเจอร์ Low-Cut Filter ที่จะช่วยตัดเสียงรบกวนความถี่ต่ำ ทำให้เสียงที่บันทึกได้มีความคมชัดยิ่งขึ้น
Low-Cut Filter คืออะไร? ทำไมต้องใช้?
Low Cut Filter หรือที่เรียกว่า High Pass Filter เป็นเหมือนผู้คัดกรองเสียง ทำหน้าที่ตัดเสียงความถี่ต่ำที่เราไม่ต้องการออกไป เช่น เสียงลม เสียงแอร์ เสียงรถ เสียงเครื่องจักร หรือแม้แต่เสียงหึ่งของเครื่องใช้ไฟฟ้า
โดยเสียงเหล่านี้ มักจะแทรกเข้ามาในคลิปของเราแบบไม่รู้ตัว ทำให้เสียงพูดไม่คมชัด ฟังไม่รู้เรื่อง ซึ่ง Low Cut Filter จะเข้ามาช่วยจัดการเสียงเหล่านี้ ช่วยตัดเสียงความถี่ต่ำออกไป เพื่อให้เสียงที่บันทึกได้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำให้เสียงพูดโดดเด่นขึ้น มีเสียงโดยรวมที่คมชัด และฟังสบายหูกว่าเดิมเยอะ
Saramonic Blink500 B2+ ไมค์คู่ใจสายคอนเทนต์
ก่อนจะไปดูวิธีใช้ Low Cut Filter ขอแนะนำพระเอกของเราก่อน Saramonic Blink500 B2+ เป็นไมโครโฟนไร้สายระบบ 2.4GHz ที่มาพร้อมตัวรับสัญญาณ 1 ตัว และตัวส่งสัญญาณถึง 2 ตัว หมดกังวลเรื่องสายเกะกะ พกพาสะดวก ใช้งานง่าย ไม่ว่าจะทำคลิปคนเดียว หรือสัมภาษณ์ 2 คนพร้อมกันก็สะดวก
ไมโครโฟนตัวนี้ใช้งานได้ทั้งกับกล้อง DSLR Mirrorless Smartphone หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ รองรับการใช้งานหลากหลาย ไม่ว่าจะ Vlog Live Podcast บันทึกเสียงสัมภาษณ์ หรือแม้แต่ทำคลิป TikTok ก็ทำได้สบาย ๆ
และที่สำคัญ Blink500 B2+ ยังมาพร้อมฟังก์ชัน Low Cut Filter ที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้
ฟังก์ชันใน Low Cut Filter
1. 75 Hz Low Cut Filter
เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมทั่วไป เช่น เสียงลม เสียงจับไมค์ หรือเสียงฮัมเบาๆ ที่ต้องการรักษาความเป็นธรรมชาติของเสียง เพราะจะช่วยตัดเสียงรบกวนเพียงเล็กน้อย เพื่อให้เสียงมีความสมจริง โดยเสียงที่ความถี่ 75 Hz จะลดทอนลงประมาณ 3dB ให้คุณควบคุมเสียงได้อย่างมืออาชีพ
2. 150 Hz Low Cut Filter
เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนมาก เช่น เสียงรถ เสียงแอร์ หรือเสียงการสั่นสะเทือน เพราะจะช่วยตัดเสียงรบกวนความถี่ต่ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เสียงที่คมชัด โดยเสียงที่ความถี่ 150 Hz จะลดทอนลงประมาณ 15dB เพื่อการตัดเสียงที่แม่นยำ
หมายเหตุ ตัวเลข 15 dB และ 3 dB เป็นค่าประมาณ อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละอุปกรณ์
เมื่อไรที่ควรเปิด Low-Cut Filter ?
1. สัมภาษณ์นอกสถานที่
ใช้ Low-Cut Filter ที่ 150 Hz เพื่อลดเสียงรบกวนความถี่ต่ำจากลม โดยไม่กระทบต่อความชัดเจนของเสียงพูด การตั้งค่าที่ 150 Hz จะช่วยกรองเสียงรบกวนความถี่ต่ำได้มากขึ้น
2. อัด Podcast ในห้องแอร์
ใช้ Low-Cut Filter ที่ 75 Hz เพื่อลดเสียงความถี่ต่ำจากระบบปรับอากาศ ขณะเดียวกันก็ยังรักษาเสียงทุ้มในเสียงพูดของคุณเอาไว้ ซึ่งการตั้งค่าที่ 75 Hz นุ่มนวลกว่าและจะรักษาเสียงต่ำไว้ได้มากกว่า
3. ถ่าย Vlog
ใช้ Low-Cut Filter ที่ 150 Hz เพื่อกำจัดเสียงรบกวนความถี่ต่ำจากการจับถือกล้องและเสียงเสื้อผ้า การตั้งค่าที่ 150 Hz จะช่วยให้เสียงสะอาดขึ้น
4. Live นอกสถานที่
ใช้ Low-Cut Filter ที่ 150 Hz เพื่อลดเสียงรบกวนพื้นหลังความถี่ต่ำที่ทำให้เสียสมาธิ เช่น เสียงฝูงชน เสียงการจราจร หรือเสียงเครื่องจักร การตั้งค่าที่ 150 Hz จะช่วยลดเสียงรบกวนได้มากขึ้น
5. Voiceover
ใช้ Low-Cut Filter ที่ 75 Hz เพื่อลดเสียงสะท้อนและเสียงทุ้มต่ำในเสียงของคุณโดยไม่ทำให้เสียงบาง การตั้งค่าที่ 75 Hz จะช่วยรักษาเสียงต่ำตามธรรมชาติไว้ได้มากกว่า
วิธีใช้ Low Cut Filter
การใช้งาน Low Cut Filter บน BLINK500 B2+ ทำได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน
- เข้าสู่การตั้งค่า กดปุ่ม “Menu” บนตัวรับสัญญาณ BLINK500 B2+ จนกว่าจะถึงเมนู “Settings”
- เลือก Low Cut Filter เลื่อนไปที่ตัวเลือก “Low Cut Filter” และเลือกระดับความถี่ที่ต้องการตัด
- เลือกการตั้งค่าตัวกรอง คุณสามารถเลือกการตั้งค่าตัวกรองได้ 2 แบบ
- 75Hz : เหมาะกับวันที่ลมแรง หรือสถานที่คนพลุกพล่าน กรองเสียงได้หนักแน่น
- 150Hz : เบาๆ สำหรับห้องที่เสียงสะท้อนเยอะ ให้เสียงพูดดูเป็นธรรมชาติ
4. ตรวจสอบเสียง: ฟังเสียงผ่านช่องเสียบหูฟังหรือลำโพงของโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้แน่ใจว่า Low Cut Filter ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพเสียงโดยรวม
เทคนิคเพิ่มเติม
- ปรับ Gain ให้เหมาะสม เพื่อให้ได้เสียงดัง – เบา ที่พอดี
- ใช้หูฟัง Monitor เสียง เพื่อปรับแต่งเสียงในขณะอัดได้
- ทดลองใช้ Low Cut Filter ในหลายสถานการณ์ เพื่อหาค่าที่เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง
- สามารถใช้ Low Cut Filter ร่วมกับโปรแกรมตัดต่อเสียงอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณภาพเสียงให้ดียิ่งขึ้น
สรุป
ใครที่กำลังมองหาไมค์ลอยคุณภาพดี ที่มาพร้อมฟีเจอร์เด็ดอย่าง Low Cut Filter ขอแนะนำ Saramonic BLINK500 B2+ เพราะ ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร ก็ใช้งานได้ง่าย ได้เสียงคมชัดทุกสถานการณ์
ส่วนวิธีการเลือกไม่ยากเลยค่ะ ลองถามตัวเองว่าเสียงรบกวนที่เจอเป็นแบบไหน? ถ้าเป็นเสียงฮัมเบา ๆ เสียงลม หรือเสียงจากการจับไมค์ หรือถ้าอยากให้เสียงเป็นธรรมชาติที่สุด เลือก 75 Hz ก็เพียงพอ แต่ถ้าเป็นเสียงดังหนัก ๆ เช่น เสียงรถ เสียงแอร์ หรือเสียงเครื่องจักร ต้องการเน้นเสียงที่คมชัดสุดๆ ต้องจัด 150 Hz ไปเลย จะตอบโจทย์กว่า
Saramonic Blink500 B2+ เปิดตัวมาในราคาเพียง 3,990บาท เท่านั้น ราคาเบาๆ กับฟังก์ชันที่จัดเต็มขนาดนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและช่องทางในการสั่งซื้อได้ที่ Facebook : Saramonic Thailand
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ Saramonic Blink500 B2+ ไมค์ที่ไม่ให้คุณพลาดโอกาสในการทำ Content