หากว่าเราต้องการทำแบรนด์สักแบรนด์หนึ่งให้เป็นที่รู้จัก อย่างแรกที่เรานึกถึงอาจจะเป็นการโฆษณา การยิง Ads และการใช้ Influencer เพื่อช่วยให้คนที่เราคาดว่าจะเป็นลูกค้าเกิดความมั่นใจในแบรนด์ และตัดสินใจซื้อหรือใช้บริการแบรนด์ของเราใช่ไหมครับ?
เพราะการทำแบบนั้น จะส่งผลให้กับผู้ที่เห็นตัวแบรนด์ค่อยๆ รู้สึกคุ้นเคย และชินกับแบรนด์นั้นอย่างช้าๆ จนกระทั่งจดจำชื่อแบรนด์นั้นๆ ได้ ลองนึกในใจดูกันนะครับว่า มีแบรนด์สินค้าอะไร ที่เป็นของใช้ประจำวันของเรา และเรานึกถึงเป็นอันดับแรกๆ บ้าง มีอยู่แน่นอนใช่ไหมครับ นักจิตวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า
Mere Exposure Effect
เราเคยเห็นโฆษณาในมือถือของเราเวลาที่กำลังเลื่อน Feed ดูความเคลื่อนไหวใน Social แล้วก็ผ่านไปแบบไม่สนใจในครั้งแรกกันบ้างแน่ๆ แต่เมื่อโฆษณานั้น ปรากฏเป็นครั้งที่ 5 6 7 เราก็อาจจะเผลอกดเข้าไปดูรายละเอียดก็ได้
Mere Exposure Effect คือการที่เรามองเห็น หรือได้ยินสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ บ่อยๆ จนเรารู้สึกคุ้นชินกับมัน ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่ตอนแรกเราฟังแล้วไม่เพราะ แต่พอผ่านหูไปสัก 7-8 รอบ เพลงนั้นก็เพราะติดหูขึ้นมา หรือคนในที่ทำงาน มองแว่บแรกก็ดูธรรมดา อยู่ไปอยู่มา พอรู้จักก็รู้สึกว่าเค้าดูดีขึ้น
นั่นเป็นเพราะว่ามนุษย์เรา มักจะเปิดใจกับสิ่งที่คุ้นเคย มากกว่าสิ่งที่เราไม่รู้จักเสมอนั่นเองครับ
ทันทีที่เราเริ่มรู้จักกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และเริ่มคุ้นเคยกับมัน เราจะค่อยๆ เปิดใจยอมรับมันอย่างช้าๆ หรือแม้กระทั่งการเห็นภาพของแบรนด์นั้นบ่อยๆ เมื่อมีสินค้าถูกเสนอเข้ามา เราอาจจะตัดสินใจซื้อมันได้ง่ายกว่าแบรนด์ที่ไม่เคยผ่านตาเรามาเลย
เคยมีนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ที่ทำการทดลองเรื่องนี้โดยการฉายภาพยนตร์ ที่แทรกคำว่า “หิวน้ำ” และใส่ภาพกระป๋องโค้กเข้าไปจำนวน 12 ฉาก และทุกฉากโผล่ขึ้นมาเร็วมาก โดยคนดูอาจจะไม่ทันสังเกตได้ด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังภาพยนตร์ฉายจบก็คือ คนดูรู้สึกหิวน้ำมากขึ้น และสิ่งที่พวกเค้าจะตามหาเป็นสิ่งแรกก็คือ โค้ก นั่นเองครับ
ใช้ Mere Exposure Effect ในการสร้างแบรนด์
แบรนด์ไม่ใช่สินค้า ไม่ใช่ตัวบุคคล แต่เป็นตัวตนที่ถูกจดจำ เมื่อคนคุ้นเคยแบรนด์ของเราและให้ความเชื่อถือกับแบรนด์ของเราได้ โอกาสที่เราจะขายสินค้าและบริการภายใต้แบรนด์นั้นๆ ก็จะมีมากขึ้นไปด้วย นี่คือหลักการณ์ที่เราสามารถนำ Mere Exposure Effect มาใช้ในการสร้างแบรนด์ของเราได้ครับ
1. ทำ Content ให้สม่ำเสมอ
เคยเจอดารา หรือไอดอลคนไหนที่เราเจอ แล้วเมื่อมีโอกาสสามารถทักพูดคุยเรื่องราวชีวิตของเค้าได้เป็นฉากๆ ไหมครับ? สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้แม้ว่าเค้าไม่รู้จักเรา เพราะเราคุ้นเคยกับตัวเค้าดี ผ่านการดู Content ของเค้า ดังนั้นแล้ว ความถี่ในการถูกมองเห็นของเรา จึงเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นอันดับแรก
2. สร้างความสัมพันธ์
แบรนด์ไหนก็ตามที่สามารถเข้าไปอยู่ในเรื่องราวชีวิตของลูกค้าได้ ลูกค้าจะให้คุณค่าเสมอ เราอาจจะเข้าใจพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่มีปัญหาในเรื่องของการจัดไฟถ่ายรูปภายในบ้าน เนื้อหาของเราก็ทำเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับคนที่อาจจะกลายมาเป็นลูกค้ากลุ่มนี้ได้ หรือการให้ความรู้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพกับคนในวงกว้างก็สามารถทำให้คนค่อยๆ จดจำเราได้เช่นกัน
3. มีเอกลักษณ์
เราอาจจะเรียกสิ่งนี้ว่า Character ที่ชัดเจนก็ได้ เพราะถ้าเราทำเหมือนๆ กันคนอื่น คนก็จะแยกไม่ออกว่าเราแตกต่างยังไง จนถึงจำไม่ได้ว่าเราเป็ฯใคร เพราะเราไม่มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน สิ่งหนึ่งที่แสดงถึงเอกลักษณ์ได้ก็คือ โลโก ของแบรนด์ ที่จะทำให้ภาพจำของลูกค้า เกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ทุกแบรนด์ จำเป็นจะต้องมีโลโกที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนนั่นเองครับ
4. ไปอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม
อยู่ที่ไหน ใครๆ ก็เห็น เป็นสิ่งที่จำเป็นให้คนจำเราได้ ดังนั้นแล้ว เราควรนำเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ไปปรากฏในทุกแพลตฟอร์ม อย่ายึดติดกับที่ใดที่หนึ่ง เพราะหากว่าเราทุ่มเทไปกับแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ อาจจะทำให้เราเสียงบที่ใช้ไปทั้งหมด ในวันที่คนเลิกฮิตก็เป็นได้
5. อยู่ในกระแสเสมอ
เพราะการอยู่ในกระแส จะทำให้คนเห็นเราบ่อยขึ้น เหตุการณ์ที่คนสนใจ จะทำให้เกิดการค้นหาเหตุการณ์นั้นมากขึ้นตามไปด้วย เมื่อเราสามารถทำ Content ตามกระแสได้ คนก็จะเห็นตัวเราจากการค้นหาเหล่านั้น แต่ทั้งนี้ กระแสที่ว่า อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นรายเดือน หรือรายปีก็ได้ อย่างเช่น ช่วงเวลาที่คนนิยมเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น เราก็นำเรื่องราวที่สามารถผูกกับญี่ปุ่น มาใส่ใน Content ของเราได้ (ขาตั้งกล้องที่เหมาะสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวถ่ายรูปที่ญี่ปุ่น เราก็มีเหมือนกันนะ)
Saramonic BlinkME B2ไมค์ที่แสดงแบรนด์ของคุณได้ในทุก Content
เมื่อการมองเห็นบ่อยๆ จะทำให้เกิดความคุ้นเคย การใช้ของที่เป็นเอกลักษณ์ชัดเจนก็จะยิ่ทำให้คนจดจำ Saramonic BlinkME B2 คือไมค์ไร้สายสำหรับงาน Video Content ที่ช่วยให้ผู้ชมของเรา สามารถเห็นโลโกของเราได้ตลอดการถ่ายทำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ด้วยความสามารถในการใส่โลโกของคุณที่หน้าจอตัวไมค์ แบรนด์ของเราจะถูกมองเห็นได้ทุกที่ทุกเวลาในคลิปวิดีโอของเราครับ
ความสามารถเฉพาะตัวที่เจ๋งสุดๆ ของ Saramonic BlinkME B2
- เปลี่ยนภาพที่หน้าจอเป็นโลโกแบรนด์ของเราได้
- บันทึกเสียงได้ในตัว ด้วยขนาดความจุ 8GB บันทึกได้ยาวนานตลอดทั้งวัน
- ติดเสื้อได้ด้วยระบบแม่เหล็ก ล้ำกว่าไม่ต้องอยู่แค่เฉพาะปกเสื้อ
- ส่งสัญญานแบบไร้สาย ที่ระยะไกลถึง 100 เมตร
- ตัวรับสัญญาน สามารถเป็นแท่นชาร์จได้ในตัว
เมื่อแบรนด์เป็นที่คุ้นเคยแล้ว ต่อจากนี้คือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้าและบริการของเราต่อไป เมื่อลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากเราอย่างสม่ำเสมอ ก็จะเกิดการกลับมาซื้อใหม่ ไม่ว่าสินค้าหรือบริการจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม ซึ่งนั่นจะทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีต่อแบรนด์ หรือที่เราเรียกว่า Brand Royalty นั่นเองครับ
สนใจสินค้า Saramonic BlinkME B2 ไมค์ดีๆ ที่ทำให้ลูกค้าคุ้นเคยกับแบรนด์ของคุณได้ง่ายขึ้น ติดต่อมาได้ที่ Facebook Fanpage : Saramonic Thailand กันได้เลยนะครับ
หรืออยากทำความรู้จักสินค้าเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่ Saramonic Blink Me” ไมค์สร้างตัวตน ปั้น Branding ให้คนจำ