ไมโครโฟนไร้สาย หรือ Wireless Mic มีการใช้ย่านความถี่ที่นิยมอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ UHF และ 2.4Ghz ซึ่งสำหรับผู้ใช้ทั่วๆ ไปอย่างเรา อาจจะไม่รู้ว่า เราควรจะเลือกไมค์ไร้สาย ที่ใช้ความถี่รูปแบบไหน ถึงจะเหมาะกับการใช้งานของเรามากที่สุด ในบทความนี้ ลองมาทำความรู้จักกับความถี่ทั้งสองประเภทนี้กัน
ไมค์ที่ใช้สัญญาณ UHF
ไมค์ที่ใช้สัญญาณ UHF (Ultra High Frequency) คือ ไมโครโฟนที่ใช้สัญญาณไร้สายที่ใช้คลื่นความถี่สูงสุดประมาณ 450 MHz ถึง 952 MHz เพื่อส่งสัญญาณเสียงจากไมโครโฟนไปยังเครื่องรับสัญาณ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณแบบอนาล็อก (analog) ที่ไม่ได้ถูกเข้ารหัสหรือมีการบีบอัด โดยในปัจจุบันนี้สัญญาณ UHF ได้ถูกพัฒนาให้มีคุณภาพและความเสถียรสูงมากขึ้น และมีเทคโนโลยีสัญญาณดิจิตอล (digital) ที่เข้ารหัสและบีบอัดสัญญาณเสียงเพื่อให้มีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าและมีสัญญาณที่เสถียรได้ดีกว่าเดิม
ไมค์ที่ใช้สัญญาณ 2.4 GHz
ไมโครโฟนไร้สายที่ใช้สัญญาณ 2.4GHz เป็นไมโครโฟนที่ใช้เทคโนโลยีการส่งสัญญาณไร้สาย เพื่อส่งเสียงไปยังเครื่องรับสัญญาณ เช่น ตัวรับของโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และกล้อง สัญญาณ 2.4GHz เป็นช่องความถี่ที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวาง สัญญาณ 2.4GHz จึงเป็นช่องความถี่ที่นิยมใช้ในไมโครโฟนไร้สายเช่นกัน เพราะมีความเสถียรสูงและสามารถส่งข้อมูลได้ในระยะไกล อย่างไรก็ตาม ช่องความถี่ 2.4GHz ยังมีความเสี่ยงที่จะมีสัญญาณรบกวนจากอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ช่องความถี่นี้เช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลให้เสียงของไมโครโฟนไร้สายไม่คงที่ หรืออาจจะไม่ความสะดวกในการใช้งานได้เท่าที่ควรได้แก่ผู้ใช้งาน
ไมค์ที่ใช้สัญญาณ 5.8 GHz
สัญญานในรูปแบบ 5.8Ghz นั้นมีความถี่ที่สูงกว่าทั้ง UHF และ 2.4 Ghz ทำให้การแทรกของสัญญานนั้นมีน้อยกว่า แลกมากับระยะการใช้งานที่สั้นลง เมื่อเทียบกับไมค์ที่ใช้ความถี่สองชนิดก่อนหน้า ข้อดีอีกอย่างก็คือ ด้วยความถี่ของสัญญานที่สูงกว่า ทำให้สามารถส่งสัญญานที่มีคุณภาพสูงกว่าได้ รวมถึงการเกาะของสัญญานที่แน่นกว่า เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีสัญญานรบกวนอยู่มากนั้นเอง
ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างไมค์แต่ละชนิด
หัวข้อเปรียบเทียบ | ไมค์แบบ UHF | ไมค์แบบ 2.4 Ghz | ไมค์แบบ 5.8 Ghz |
ย่านความถี่ | 450 – 952 Mhz* | 2400 Mhz | 5800 Mhz |
ระยะการทำงานที่กำลังส่งเท่ากัน | ไกลที่สุด | ระดับกลาง | ใกล้ที่สุด |
รูปแบบสัญญาน | อนาล็อค (อาจมีสัญญานรบกวน เมื่อมีการใช้ความถี่ใกล้กัน แต่จะยังได้ยินเสียงอยู่) | ดิจิตอล (ไม่มีสัญญานรบกวน แต่หากอยู่ในบริเวณที่มี Wifi หนาแน่น เสียงอาจขาดได้) | ดิจิตอล (ไม่มีสัญญานรบกวน ปัญหาเรื่อง Wifi แทรกน้อย แต่ต้องทำงานในระยะใกล้) |
สถานการณ์ที่ควรใช้งาน | งาน Broadcast ระดับอาชีพ งานข่าวที่มีคนหนาแน่น งานสัมภาษณ์ตาม Event งานแสดงสินค้า งานในห้างสรรพสินค้า | การทำ Content ในบ้าน การทำ Content ในสตูดิโอ งานถ่ายนอกสถานที่ที่คนไม่มาก งานรีวิวนอกห้างสรรพสินค้า | งาน Broadcast ระดับอาชีพ งานข่าวที่มีคนหนาแน่น งานสัมภาษณ์ตาม Event งานแสดงสินค้า งานในห้างสรรพสินค้า |
หากดูเผินๆ จะรู้สึกว่าไมค์ UHF และ 5.8 Ghz จะทำงานในสถานการณ์ที่คล้ายๆ กันได้ แต่อย่าลืมว่าระยะการทำงานของไมค์ 5.8 Ghz นั้นจะสั้นกว่า UHF มาก แต่ได้เปรียบในกรณีที่มีคนใช้ไมค์ในปริมาณที่หนาแน่น ด้วยความที่ไมค์ 5.8 Ghz นั้น มีความถี่ที่สูงกว่าและเกิดการแทรกของสัญญานได้ยากหากอยู่ในระยะทำงาน ซึ่งไมค์ UHF นั้น หากใช้จำนวนมากๆ ในบริเวณเดียวกัน จะเกิดสัญญานรบกวนขึ้นได้ด้วยความถี่ ที่ถูกกำหนดมาให้ใช้อย่างจำกัดตามกฏหมาย
ส่วนไมค์ 2.4 Ghz นั้น หากใช้งานในที่สาธารณะที่มีการใช้งาน Wifi เช่นห้างสรรพสินค้า สัญญานอาจจะถูกรบกวนได้เพราะใช้ความถี่ในช่วงเดียวกันกับ Wifi และ Wifi แต่ละตัวจะมีการจองช่องสัญญานเพื่อใช้งาน เมื่อถูกรบกวนก็อาจจะมีอาการเสียงขาดหายในกรณีที่ไมค์กำลังส่งต่ำ แต่ไมค์ 2.4 Ghz นี้ กลับมีความสะดวกในการใช้งานสูงที่สุด และมีราคาที่ต่ำกว่าไมค์อีก 2 ประเภท ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมสำหรับ Content Creator ที่ทำงานในบ้าน สตูดิโอส่วนตัว หรือในสถานที่ที่คนไม่พลุกพล่าน และแม้แต่การรีวิวร้านอาหารนอกห้าง จนไปถึงการ Live ขายสินค้าในบ้าน ไมค์ 2.4 Ghz นี้ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ด้วยเช่นกัน
ฉะนั้น หากว่าเราต้องการเลือกไมค์สักตัวหนึ่งมาใช้งาน อาจต้องลองดูลักษณะการใช้งานหลักของเราก่อน เพราะไมค์แต่ละตัว อาจจะไม่สามารถใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ แต่หากอ่านสเปคของไมค์แต่ละตัวแล้วยังไม่มั่นใจ ลองสอบถามรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ Saramonic Thailand ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว หรือติดต่อสอบถามเราผ่านทางเพจเฟสบุค Saramonic Thailand หรือสามารถกดลิงก์นี้ Saramonic Thailand | Bangkok | Facebook ได้เลย