อุตส่าห์เดินทางไปถึงจุดถ่ายวิวสวยๆ ในช่วงเวลาแสงทไวไลท์หรือตั้งใจไปเก็บภาพดาวเต็มฟ้า แต่กลับต้องผิดหวังเพราะภาพที่ได้สั่นเบลอจากลมที่พัดไม่หยุด หรือนอยส์เยอะเกินไปเพราะตั้งค่ากล้องไม่ถูกต้อง ปัญหาเหล่านี้คือฝันร้ายของช่างภาพสาย Landscape เลยใช่ไหมล่ะคะ
กุญแจสำคัญของการใช้ขาตั้งกล้องถ่ายวิวในที่แสงน้อยและลมแรงให้ได้ภาพคมชัด คือ การเลือกขาตั้งที่มั่นคง, กางขาตั้งให้ต่ำและกว้างที่สุด, หลีกเลี่ยงการยืดแกนกลาง (Center Column), ถ่วงน้ำหนักที่ขาตั้ง, และใช้รีโมทชัตเตอร์หรือตั้งเวลาถ่ายภาพ เพื่อลดการสั่นไหวจากการกดชัตเตอร์โดยตรง
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกทุกเทคนิคตั้งแต่การเลือกขาตั้งที่ใช่ วิธีการติดตั้งให้มั่นคงที่สุดในทุกสภาพลม การตั้งค่ากล้องที่เหมาะสม ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยยกระดับภาพถ่าย Landscape ของคุณให้คมชัดและน่าทึ่งยิ่งขึ้น พร้อมแล้วก็ไปลุยกันเลย

ทำไมขาตั้งกล้องจึงเป็น “หัวใจ” ของการถ่าย Landscape ในสภาพแสงน้อยและลมแรง?
หลายคนอาจคิดว่าขาตั้งก็เป็นแค่ที่วางกล้อง แต่สำหรับช่างภาพสาย Landscape แล้ว มันคือฐานที่มั่นที่สำคัญที่สุดเลยค่ะ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับสองคู่ปรับตลอดกาลอย่างแสงน้อย และลมแรง
- สู้กับความมืดด้วยความนิ่ง : ในสภาวะแสงน้อย เราจำเป็นต้องเปิดหน้ากล้องค้างไว้นานๆ (ใช้ Speed Shutter ต่ำ) เพื่อให้แสงเข้ามาในเซ็นเซอร์ได้มากพอ ซึ่งแน่นอนว่ามือของเราไม่สามารถถือนิ่งๆ ได้นานเกิน 1 วินาทีแน่ๆ ขาตั้งกล้องจึงเข้ามาทำหน้าที่ประคองกล้องให้นิ่งสนิท ไม่ว่าคุณจะเปิดหน้ากล้องนาน 30 วินาที หรือ 30 นาทีก็ตาม
- ต้านทานแรงลม : ลมคือศัตรูตัวฉกาจของความคมชัด แค่ลมพัดเบาๆ ก็สามารถทำให้ภาพของคุณสั่นไหวได้แล้ว ขาตั้งที่มั่นคงจะช่วยยึดกล้องของคุณไว้ ลดการสั่นสะเทือนจากภายนอก
- เปิดประตูสู่เทคนิคขั้นสูง : อยากถ่ายน้ำตกให้ฟุ้งๆ อยากถ่ายดาวหมุนเป็นวงกลม หรือทำภาพ HDR เพื่อเก็บรายละเอียดแสงให้ครบ ทุกเทคนิคที่ว่ามานี้ล้วนต้องการกล้องที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งเดิมเป๊ะๆ ซึ่งมีเพียงขาตั้งเท่านั้นที่ทำได้
เลือกขาตั้งกล้องคู่ใจ ไม่ใช่แค่ตั้งได้ แต่ต้องนิ่ง
การเลือกขาตั้งก็เหมือนการเลือกเพื่อนร่วมทาง ต้องเลือกให้ดีแล้วจะพาเราไปถึงจุดหมายได้อย่างราบรื่น มาดูกันว่าต้องพิจารณาอะไรบ้าง

วัสดุ: Carbon Fiber vs. Aluminum อันไหนเหมาะกับสาย Landscape ?
อลูมิเนียม (Aluminum): เป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์ แข็งแรงทนทาน แต่มีน้ำหนักค่อนข้างมากและซับแรงสั่นสะเทือนได้ไม่ดีเท่าคาร์บอนไฟเบอร์ เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นหรือคนที่มีงบจำกัดและไม่ซีเรียสเรื่องการแบก
คาร์บอนไฟเบอร์ (Carbon Fiber): ราคาสูงกว่า แต่แลกมากับน้ำหนักที่เบาหวิวและคุณสมบัติ “ดูดซับแรงสั่นสะเทือน” (Vibration Dampening) ที่ดีเยี่ยม ทำให้กล้องนิ่งขึ้นเมื่อเจอลมปะทะ เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของช่างภาพสายจริงจังที่ต้องเดินป่า แบกของไกลๆ
จำนวนท่อนขาและความสูง: ยิ่งน้อยชิ้น ยิ่งมั่นคง
โดยทั่วไป ขาตั้งจะมี 3-5 ท่อนต่อขา จำง่ายๆ ว่า “ยิ่งจำนวนท่อนน้อย ยิ่งมั่นคง” เพราะจุดเชื่อมต่อแต่ละท่อนคือจุดที่อาจเกิดการขยับได้ ขาแบบ 3 ท่อนจึงนิ่งที่สุด แต่ก็จะยาวกว่าเมื่อพับเก็บ ส่วนขา 4-5 ท่อนจะพับเก็บได้สั้น พกพาสะดวกกว่า ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับสไตล์การเดินทางของเรา
หัวขาตั้งกล้อง (Tripod Head): Ball Head vs. Pan-and-Tilt Head

- Ball Head (หัวบอล) : ปรับเปลี่ยนมุมกล้องได้รวดเร็วและอิสระมาก แค่คลายล็อคตัวเดียวก็ขยับได้ทุกทิศทาง เหมาะกับคนที่ต้องการความไว
- Pan-and-Tilt Head (หัวแพน) : ปรับแกนตั้งและแกนนอนได้อย่างละเอียดและแม่นยำกว่า มีแขนให้จับควบคุม เหมาะมากสำหรับงานถ่ายวิวที่ต้องการจัดองค์ประกอบแบบเป๊ะๆ หรือการถ่ายวิดีโอเพื่อแพนกล้องสมูทๆ
ขาตั้งกล้องควรรับน้ำหนักได้เท่าไหร่ ?
ควรรับน้ำหนักได้ อย่างน้อย 1.5 – 2 เท่า ของน้ำหนักอุปกรณ์ที่หนักที่สุดที่คุณมี (กล้อง + เลนส์ + อุปกรณ์เสริมอื่นๆ) การเลือกให้เกินไว้ก่อนจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าขาตั้งของคุณจะรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันได้และมั่นคงพอค่ะ
7 เทคนิคปักหลักขาตั้งกล้องให้มั่นคงเหมือนภูผา ท้าทายทุกสภาพลม
กางขาให้ต่ำและกว้าง (Low & Wide)
นี่คือกฎข้อแรกที่ต้องจำให้ขึ้นใจ ยิ่งคุณกางขาตั้งให้เตี้ยและแผ่ออกไปกว้างเท่าไหร่ จุดศูนย์ถ่วงก็จะยิ่งต่ำลง ทำให้ขาตั้งมั่นคงเหมือนรถแข่ง F1 เลยทีเดียว แถมยังได้มุมมองภาพที่แปลกตาด้วยนะ
หลีกเลี่ยงการยืดแกนกลาง (Center Column)
พยายามอย่าดึงแกนกลางขึ้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เพราะมันคือส่วนที่บอบบางและไวต่อการสั่นสะเทือนมากที่สุด ถ้าอยากได้ความสูงเพิ่ม ให้ใช้วิธียืดขาตั้งทีละท่อนจะดีกว่า
วางขา 1 ข้างชี้ไปทางทิศทางลม
ลองสังเกตทิศทางลม แล้วหันขาข้างหนึ่งให้ชี้ตรงไปสู้กับลม จะช่วยสร้างโครงสร้างสามเหลี่ยมที่ต้านลมได้ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ใช้ตะขอถ่วงน้ำหนัก (Use the Hook)
ขาตั้งส่วนใหญ่จะมีตะขออยู่ใต้แกนกลาง ให้เอากระเป๋ากล้องของคุณแขวนไว้เพื่อเพิ่มน้ำหนักและมวลให้กับขาตั้ง แต่มีทริคเล็กน้อยคือ อย่าปล่อยให้กระเป๋าแกว่งไปมา เพราะมันจะสร้างแรงสั่นสะเทือนเสียเอง ควรปรับสายให้กระเป๋าแตะพื้นเล็กน้อย
กดขาตั้งให้จมพื้นผิว
ถ้าคุณถ่ายรูปบนพื้นทราย ชายหาด หรือดินนิ่มๆ ให้ใช้เท้ากดที่ขาตั้งแต่ละข้างให้จมลงไปในพื้นผิวเล็กน้อย จะช่วยยึดขาตั้งได้แน่นขึ้นมาก
ปิดระบบกันสั่น (IS/VR/VC)
[ข้อนี้สำคัญมาก!] เมื่อกล้องอยู่บนขาตั้งที่นิ่งสนิทแล้ว ให้คุณเข้าไปในเมนูของกล้องหรือสวิตช์ที่เลนส์เพื่อ “ปิด” ระบบกันสั่นค่ะ เพราะถ้าเปิดไว้ ระบบอาจจะสับสนและพยายามแก้ไขการสั่นที่ไม่มีอยู่จริง ทำให้เกิดการสั่นไหวภายในและภาพเบลอได้
ตรวจสอบทุกจุดล็อคอีกครั้ง
ก่อนจะกดชัตเตอร์ ให้ใช้เวลาสักครู่ไล่เช็คตัวล็อคขาทุกท่อนและล็อคหัวบอลให้แน่นหนาอีกครั้ง เหมือนเป็นการเช็คความปลอดภัยรอบสุดท้าย
เทคนิคตั้งค่ากล้องและอุปกรณ์เสริม เพื่อกำจัดการสั่นไหวให้สิ้นซาก
ตั้งขาตั้งได้นิ่งแล้ว แต่ยังเหลืออีกด่านสุดท้าย คือการตั้งค่ากล้องและการกดชัตเตอร์นั่นเอง
ใช้ Remote Shutter หรือตั้งเวลาถ่าย (2-Second Timer)
แค่ปลายนิ้วของเราที่กดลงไปบนปุ่มชัตเตอร์ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนมหาศาลให้กับภาพ Long Exposure ได้แล้วค่ะ ทางแก้ก็ง่ายนิดเดียว
- ตั้งเวลาถ่าย 2 วินาที เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม หลังจากกดชัตเตอร์ กล้องจะนับถอยหลัง 2 วินาทีให้แรงสั่นจากการกดของเราหายไปก่อนจะเริ่มถ่ายจริง
- ใช้รีโมทชัตเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นแบบมีสายหรือไร้สาย จะให้อิสระในการควบคุมที่มากกว่า เหมาะกับการถ่ายภาพที่ต้องจับจังหวะเป๊ะๆ
เปิดใช้งาน Electronic Front-Curtain Shutter (EFCS)
สำหรับกล้อง Mirrorless หรือ DSLR รุ่นใหม่ๆ จะมีฟังก์ชันนี้อยู่ มันคือการลดการสั่นสะเทือนที่เกิดจากกลไกม่านชัตเตอร์ในกล้องเอง ซึ่งช่วยให้ภาพคมขึ้นไปอีกระดับ โดยเฉพาะเมื่อใช้ความเร็วชัตเตอร์ในช่วง 1/30 – 1 วินาที
ตั้งค่ากล้องถ่ายรูปตอนกลางคืนหรือแสงน้อยอย่างไร?
ไม่มีสูตรตายตัว แต่มีค่าเริ่มต้นที่ดีสำหรับนำไปปรับใช้ได้เสมอ
- โหมด: Manual (M) เพื่อควบคุมทุกอย่างได้เอง
- รูรับแสง (Aperture): f/8 – f/11 เป็นช่วงที่เลนส์ส่วนใหญ่ให้ความคมชัดสูงสุดทั่วทั้งภาพ เหมาะกับงานวิว
- ความเร็วชัตเตอร์ (Shutter Speed): เริ่มต้นที่ 15-30 วินาที สำหรับวิวกลางคืนที่มืดสนิท แล้วค่อยๆ ปรับตามความสว่างที่ต้องการ
- ISO: ใช้ให้ต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้ เช่น ISO 100 หรือ 200 เพื่อให้ภาพใสเคลียร์และมีนอยส์น้อยที่สุด
- การโฟกัส: ปรับไปที่ Manual Focus (MF) แล้วใช้ Live View บนจอ LCD ซูมเข้าไปที่จุดสว่างไกลๆ (เช่น ดวงดาว) แล้วหมุนหาโฟกัสจนคมชัดที่สุด
อย่ากลัวสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจค่ะ ลมแรงหรือเมฆฝนคือส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่สร้างภาพถ่ายให้ครีเอทได้ จงมองว่าเป็นความท้าทายและเตรียมอุปกรณ์กับเทคนิคของคุณให้พร้อม แล้วคุณจะได้ภาพที่แตกต่างและน่าจดจำกลับมาแน่นอน
อ้างอิงข้อมูลจาก