เพราะ “สีสัน” คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ ที่ทำให้ผลงานสร้างสรรค์ไม่มีที่สิ้นสุด บทความจึงมาพร้อมกับ Nanlite FS-300C ไฟสตูดิโอที่จะมาปลดปล่อยจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ พร้อมเปลี่ยนสตูดิโอของคุณให้เป็นสวรรค์แห่งการสร้างสีสันแบบจัดเต็ม
เกริ่นมาถึงขนาดนี้ คงอยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะครับว่าไฟตัวนี้มาพร้อมกับฟังก์ชันอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วก็มาอ่านบทความเจาะลึกฟังก์ชันเด็ดของไฟตัวนี้กันได้เลยครับ!
ทำความรู้จักกับ FS-300C
ไฟรุ่นนี้ คือไฟสตูดิโอ LED แบบ RGBW ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ด้วยความสามารถในการสร้างสีสันที่หลากหลาย ความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยม ความสว่างของไฟที่ไม่มีกั๊ก และฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างภาพ, นักถ่ายวิดีโอ, สตรีมเมอร์, หรืออาชีพไหน ๆ ไฟตัวนี้ก็พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการ
สร้างสรรค์สีสันได้แบบ RGBW
ด้วยความที่ไฟตัวนี้คือไฟ LED แบบ RGBW เราจึงอยากแวะพาทุกคนมาเจาะลึกถึงคำว่า “RGBW” กันอีกสักนิดนะครับ โดยคำว่า “RGBW” จะย่อมาจาก Red, Green, Blue, White ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผสมสีที่พัฒนามาจาก RGB ด้วยการเพิ่ม W หรือก็คือหลอดแสงสีขาว เพื่อทำให้การแสดงผลของแสงมีความแม่นยำและสมจริงมากยิ่งขึ้น
โดยในกรณีของไฟสตูดิโอรุ่นนี้ การเป็นไฟ RGBW ก็จะหมายถึงความสามารถในปรับแต่งสีสันและอุณหภูมิสีที่ยืดหยุ่นมากขึ้นนั่นเอง
ประสิทธิภาพของแสงที่จัดเต็ม
ด้วยการออกแบบ และจัดวางตำแหน่งของหลอดไฟ LED บนตัวโมดูล ที่มุ่งเน้นให้แสงสามารถแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่ด้วยพลังงานขั้นสูงสุด ผสานด้วยเทคโนโลยีผสมแสงแบบออปติก ส่งผลให้ไฟตัวนี้สามารถสร้างแสงที่มีความเข้มสม่ำเสมอกันทั้งลำแสง มาพร้อมความสว่างสูงสุดที่ 18,050 ลักซ์ (ที่ระยะ 1 เมตร อุณหภูมิสี 5600K) ซึ่งเป็นประสิทธิภาพที่สูงกว่าไฟรุ่นอื่น ๆ ในตลาดถึง 90% เลยทีเดียว
และถ้าหากมีการใส่รีเฟล็กเตอร์ ไฟตัวนี้จะสามารถมอบความสว่างที่พุ่งไปสูงถึง 34,200 ลักซ์ (ที่ระยะ 1 เมตร อุณหภูมิสี 5600K) ซึ่งก็ป็นประสิทธิภาพที่สูงมากขึ้นถึง 28% หากเทียบกับไฟรุ่นอื่น ๆ ในตลาดที่ใส่รีเฟล็กเตอร์เช่นเดียวกัน
ปรับแต่งสีได้อย่างแม่นยำและยืดหยุ่น
นอกจากพร้อมเทคโนโลยีการผสมสีขั้นสูงอย่าง RGBW ไฟรุ่นนี้ก็ยังมาพร้อมกับอัลกอริทึมที่ได้รับการปรับปรุงแบบพิเศษ ซึ่งส่งผลให้ไฟตัวนี้มาพร้อมกับโหมดการใช้ 3 โหมด ได้แก่ CCT Mode / HSI Mode / และ Effect Mode ซึ่งทั้ง 3 โหมดนี้สามารถสลับกันใช้ไปมาได้อย่างรวดเร็ว และสามารถปรับแต่งเพื่อเลือกใช้งานได้ตามต้องการอีกด้วย
CCT Mode
โหมดนี้ช่วยมอบอุณหภูมิสีที่กว้างตั้งแต่ 2700K – 7500K พร้อมความสามารถในการจูนสี G/M ±150 ซึ่งจะช่วยให้แสงมีความกลมกลืนกับแหล่งกำเนิดอื่น ๆ ในฉากได้อย่างไร้รอยต่อ
HSI Mode
โหมดนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งค่า Hue (สี) และ Saturation (ความอิ่มตัวของสี) จากสีที่หลากหลายถึง 36,000 สี ส่งผลให้เราสามารถปรับแต่งโทนสีของแสงเพื่อสร้างสรรค์ผลงานได้ตามต้องการ
Effect Mode
โหมดนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเลือกใช้เอฟเฟกต์แสงได้มากถึง 15 เอฟเฟกต์ แถมแต่ละเอฟเฟกต์ยังสามารถปรับแต่งพารามิเตอร์ได้หลากหลาย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกเอฟเฟกต์แสงที่เหมาะสมที่สุดในงานสร้างสรรค์
ดีไซน์แบบ All in One
ไฟรุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์แบบ All in One ซึ่งจะช่วยอะแดปเตอร์จ่ายไฟและแผงควบคุมมารวมกันอยู่ในโครงสร้างเดียวบนตัวเครื่อง พร้อมน้ำหนักรวมสูงสุดที่เบาเพียง 3.23 กิโลกรัม
ส่งผลให้ภาพรวมของการใช้งานไฟรุ่นนี้มีความสะดวกสบาย สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย และพร้อมใช้งานได้อย่างว่องไว แค่ตั้งไฟแล้วต่อสาย ไฟตัวนี้ก็พร้อมช่วยคุณสร้างสรรค์ผลงานได้ทันที
ทางเลือกในการควบคุมที่หลากหลาย
อีกหนึ่งในฟังก์ชันเด็ดของไฟรุ่นนี้ ก็คือทางเลือกในการควบคุมและปรับแต่งแสงที่ทำได้จากแผงควบคุมบนตัวเครื่อง (On-board) รวมถึงการควบคุมด้วยระบบไร้สายอย่างรีโมตและแอปพลิเคชัน NANLINK APP
แผงควบคุมที่ใช้งานง่าย
แผงควบคุมของไฟรุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ที่มาพร้อมกับปุ่มหมุนสองปุ่ม ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานและปรับแต่งแสงทั่วไปทั้งหมด เช่น การปรับความเข้มของแสง การตั้งค่าเอฟเฟกต์ การปรับสี โดยนอกจากนี้ การกดปุ่มหมุนด้านซ้ายจะสามารถรีเซตความสว่าง และการกดปุ่มหมุนด้านขวาจะสามารถล็อกการตั้งค่าที่ตั้งไว้ได้อีกด้วย
แค่นั้นยังไม่พอ เพราะในตรงกลางระหว่างปุ่มสองปุ่ม ก็ยังมีปุ่ม Mode ที่ใช้ในการเปลี่ยนโหมดการทำงานระหว่าง CCT Mode, HSI Mode, และ Effect Mode ได้อย่างรวดเร็ว
การควบคุมแบบไร้สาย
ด้วยโมดูล Bluetooth แบบ 2.4GHz ที่ติดตั้งมาในตัว ไฟรุ่นนี้จึงสามารถควบคุมรีโมตและแอปพลิเคชัน NANLINK APP ซึ่งจะช่วยให้การปรับแต่งแสงเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
โดย NANLINK APP ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันในการตั้งค่าแสงไว้ล่วงหน้า รวมถึงการจัดกลุ่มการตั้งค่าแสงไว้ใช้ในยามต้องการ เหมาะมาก ๆ กับการใช้งานในการถ่ายทำที่ซับซ้อน เช่น การถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ
ระบบระบายความร้อนที่ทั้งเงียบและมีประสิทธิภาพ
ไฟรุ่นนี้มากับการออกแบบที่มุ่งเน้นการทำงานที่ลื่นไหล ด้วยระบบระบายความร้อนที่จะทำให้ตัวไฟมีความร้อนที่สุด และมีการทำงานของไฟที่มอบเสียงเบาที่สุด
โดยไฟรุ่นนี้จะมาพร้อมโหมดการทำงานมาที่มีให้เลือกใช้ถึง 4 โหมด ได้แก่ ( Smart / Full Speed / Low Speed / Off ) ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานโหมดต่าง ๆ ได้ตามสภาพแวดล้อมและความต้องการในการทำงาน เช่น หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงเงียบมาก ๆ เราก็จะสามารถเปิดใช้งานโหมด Smart ให้การทำงานของไฟมีเสียงรบกวนที่ดังเฉลี่ยเพียง 24dB นั่นเอง
โดยใน Smart Mode และ Full Speed Mode ไฟตัวนี้จะมอบพลังไฟได้ถึง 100% แตกต่างจาก Low Speed Mode และ Off Mode ที่มอบพลังไฟได้ 50% และ 15% ตามลำดับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นฟังก์ชันเด็ดของ Nanlite FS-300C ไฟสตูดิโอ LED แบบ RGBW ที่สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมด้วยความสามารถในการสร้างแสงสีที่หลากหลายถึง 3 โหมดการใช้งาน มาเปลี่ยนสตูดิโอของคุณให้กลายเป็นสวรรค์แห่งสีสัน ด้วยการสร้างสรรค์ผลงานอย่างไม่ที่สิ้นสุดไปด้วยกันนะครับ
หากสนใจหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่เพจ Facebook: Nanlite Thailand by COB
STM Academy
Our Location: 3133/4 ถนนสุขุมวิท 101/2 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
Our Website: STM Academy
Our Socials : Facebook & YouTube
Tel: +66-2821-5505
E-mail: info@thedigitalstm.com