ในการถ่ายภาพ การมีขาตั้งกล้องที่เหมาะกับการใช้งานของเรา คือสิ่งที่จำเป็นในการถ่ายภาพและวิดีโอให้ออกมาคมชัดและไม่มีการสั่นไหว โดยปัญหาที่มักทำให้ช่างภาพสับสน ก็คือการเลือกขาตั้งกล้องระหว่างขาใหญ่และขาเล็ก ซึ่งแน่นอนว่าขาตั้งกล้องทั้งใหญ่และเล็กก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกขาตั้งกล้องที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุด
บทความนี้จึงจะมาอธิบายถึงความแตกต่างนั้นให้ทุกคนได้อ่านกัน โดยเราจะขอแยกอธิบายเป็นหัวข้อต่าง ๆ ดังนี้นะครับ
น้ำหนักและความสะดวกในการพกพา
แน่นอนว่าข้อแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดของขาตั้งกล้องใหญ่และเล็ก ก็คือเรื่องของความสะดวกและการพกพา โดยขาตั้งกล้องที่ใหญ่ มักผลิตจากวัสดุที่แข็งแรง เช่น อะลูมิเนียมหรือคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการความแข็งแรงและมั่นคง ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยความลำบากในการพกพา และในทางกลับกัน ขาตั้งกล้องที่เล็ก ก็จะมีการออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา จึงเหมาะคนที่เน้นความสะดวกและความคล่องตัว
ความมั่นคงและความทนทาน
ขาตั้งกล้องที่ใหญ่ มีจุดเด่นในการมอบความมั่นคงที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะกับการเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ หรือสภาวะที่มีแสงน้อย เนื่องจากโครงสร้างที่แข็งแรงและมีน้ำหนักมาก สามารถช่วยลดการสั่นสะเทือน และส่งผลให้ภาพมีความชัด และนอกจากนี้ขาตั้งกล้องที่ใหญ่ยังมีความทนทานต่อการใช้งานหนัก และสามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นใจได้ดีกว่าอีกด้วย
ในส่วนของขาตั้งกล้องเล็ก จะมีการแลกความมั่นคงในบางส่วนเพื่อความสะดวกในการพกพา โดยถึงแม้จะใช้งานในหลานสถานการณ์ได้ดี แต่ก็ไม่อาจแข็งแรงพอที่จะรับสภาพอากาศที่มีความโหดมากขึ้น เช่น สภาวะลมพัดแรง และนอกจากนี้ วัสดุที่ใช้ก็ใช้ก็อาจไม่ทนทานเท่ากับขาตั้งกล้องที่ใหญ่ ซึ่งจะส่งผลต่ออายุการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการใช้งานที่บ่อย
รูปแบบการใช้งานและความคล่องตัว
รูปแบบในการใช้งาน ก็อีกหนึ่งความแตกต่างในการเลือกขาตั้งกล้องที่ใหญ่หรือเล็ก โดยขาตั้งกล้องที่ใหญ่ มักเป็นที่นิยมของช่างภาพที่เน้นความมั่นคงเพื่อความคมชัดที่มากที่สุด โดยอาจจะเป็นการเก็บรายละเอียดอันสวยของวิวทิศน์อันกว้างใหญ่ หรือจะเป็นการถ่ายภาพในสตูดิโอ ซึ่งแน่นอนความคล่องตัวไม่ใช่เรื่องจำเป็น สิ่งที่จำเป็นยิ่งกว่าคือความมั่นคง
ในทางกลับกัน ขาตั้งกล้องเบาก็มักเป็นที่นิยมในกลุ่มช่างภาพสายท่องเที่ยวท่องและเดินทาง ซึ่งสิ่งที่พวกเขาต้องการจากขาตั้งกล้องก็คือขนาดที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบา คือความสะดวกและคล่องตัวตลอดการเดินทาง ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะสามารถเก็บภาพในช่วงเวลาอันรวดเร็ว และสามารถที่จะเสาะหามุมถ่ายรูปต่าง ๆ ได้โดยที่ขาตั้งกล้องไม่มาเกะกะนั่นเอง
ขาตั้งกล้องเล็กที่เราอยากแนะนำ!
หลังจากที่อ่านความแตกต่างของขาตั้งกล้องใหญ่และเล็กกันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าในใจคุณจะเลือกขาตั้งกล้องที่ใหญ่หรือเล็กเอาไว้ เราก็อยากจะแนะนำขาตั้งกล้องตัวหนึ่งจากแบรนด์ Sirui ที่พร้อมจะครองใจของคุณไม่ว่าคุณจะเลือกขาตั้งกล้องแบบไหน! นั่นก็คือ “Traveler X-I”
ตั้งกล้องที่มีคุณสมบัติจัดเต็ม! มีทั้งความน้ำหนักเบาพกพาสะดวกเหมือนขาตั้งกล้องเล็ก และมีทั้งความทนทานเหมือนขาตั้งกล้องใหญ่ เพราะ “Traveler X-I” ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีความแข็งแรงสูง และมีน้ำหนักที่เบาเพียงแค่ 860 กรัมเท่านั้น! นอกจากนี้เมื่อไม่ได้มีการใช้งาน ขาตั้งกล้องตัวนี้ยังสามารถพับเก็บได้สั้นเพียงแค่ 35 เซนติเมตรอีกด้วย เรียกได้ว่าทนทาน น้ำหนักเบา แถมยังพกพาได้สะดวกแบบสุด ๆ !
แค่นั้นยังไม่พอ เพราะ Taveler X-I ยังมาพร้อมคุณสมบัติอื่น ๆ ที่เจ๋งไม่แพ้กัน ดังนี้
กางได้สูงถึง 154 เซนติเมตร!
ที่สามารถใช้เพื่อเก็บภาพจากมุมสูงได้แบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์หรือจะเป็นภาพบรรยากาศของสถานที่ต่าง ๆ
หัวบอลแบบ 360 องศา
ที่ช่วยให้คุณสามารถแพนกล้องขณะถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างลื่นไหล และสามารถเก็บภาพความประทับใจของวิวทิวทัศน์ รวมไปถึงบรรยากาศโดยรอบได้อย่างไม่มีตกหล่น
ระบบการล็อกแบบไร้ซึ่งข้อต่อ (Twist Lock)
ที่จะทำให้คุณสามารถล็อกขาตั้งกล้องตัวนี้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่หมุนปุ่มล็อกเพียงครั้งเดียว แถมยังมาทำจากวัสดุคุณภาพสูง ส่งผลให้คุณสามารถตั้งและล็อกขาตั้งกล้องได้อย่างว่องไว แถมยังปลอดภัยหายห่วงด้วยข้อล็อกที่มีความแข็งแรงสูงอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นความแตกต่างของขาตั้งกล้องใหญ่และเล็ก ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว เราก็จะเห็นได้ว่าการเลือกใช้ขาตั้งกล้องแบบไหน ก็จะขึ้นอยู่รูปแบบของการใช้งานที่ช่างภาพแต่ละคนต้องการ ดังนั้นแล้วการพิจารณาข้อดีและข้อเสียของขาตั้งกล้องทั้งเล็กและใหญ่ จะช่วยให้คุณเลือกขาตั้งกล้องที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด เพื่อการกดบันทึกภาพถ่ายและวิดีโอที่อยู่ตรงหน้าของให้ออกมาประทับใจที่สุดนั่นเอง
โดยถ้าคุณคิดว่า Taveler X-I เป็นขาตั้งกล้องตัวนั้นของคุณ ก็สามารถเลือกซื้อจากตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มได้ที่ช่องทางเพจ Facebook: Sirui Thailand ได้เลยนะครับ