ในยุคที่แสงสว่างมีความสำคัญต่อการสร้างคอนเทนต์ ไม่ว่าจะเป็นงานภาพยนตร์ วิดีโอ หรือแม้แต่ไลฟ์สตรีมมิ่ง ไฟ LED ก็กลายเป็นเพื่อนคู่ใจของเหล่าครีเอเตอร์แต่ด้วยตัวเลือกที่มากมายในตลาด ก็ทำเอาหลายคนถึงกับเกาหัวแกรก ไม่รู้จะเลือกตัวไหนดีให้ตอบโจทย์
บทความนี้จะมาไขข้อสงสัย เปรียบเทียบให้เห็นกันชัดๆ ถึงความแตกต่างระหว่างไฟ Nanlite ในซีรีส์ Forza, FC และ FS เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ตัวเลือกที่คุณตัดสินใจนั้น “ใช่” ที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ
ความแตกต่างที่ 1 : เรื่องของ “การจ่ายพลังงาน” ที่เลือกได้

คำถามแรกที่คุณต้องถามตัวเองก่อนเลือกไฟคือ “เราจำเป็นต้องใช้งานไฟในสถานที่ที่ไม่มีปลั๊กไฟบ้างไหม?” หรือพูดง่ายๆ คือ “อยากได้ไฟที่พกพาไปลุยงานนอกสถานที่ได้สบายๆ รึเปล่า?”
อาจจะยังไม่จำเป็นในวันนี้ แต่เชื่อเถอะว่าไฟดีๆ สักตัวอยู่กับเราไปอีกนาน ดังนั้นลองคิดเผื่ออนาคตดูหน่อยก็ไม่เสียหาย เพราะไม่ใช่ไฟ LED ทุกตัวที่จะสามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้
ถ้าไม่คิดจะใช้แบตเตอรี่ ไฟ Nanlite FS Series เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะซีรีส์นี้เกิดมาเพื่อเสียบปลั๊กไฟ AC อย่างเดียว ไม่มีช่องให้ใส่แบตเตอรี่ใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ถ้าอยากมีตัวเลือก งานนี้ต้องมองไปที่ Forza และ FC Series เพราะไฟในตระกูล Forza ทุกรุ่นมาพร้อมกับอุปกรณ์ติดตั้งแบตเตอรี่ในตัว ทำให้คุณพร้อมลุยทุกสถานการณ์ ส่วนไฟ FC Series รุ่นพี่อย่าง FC-300B, FC-500B และ FC-500C จะต้องใช้งานร่วมกับ FC PowerController ที่ต้องซื้อแยก แต่ถ้าเป็นรุ่นเล็กอย่าง FC-60B ก็ใช้แบตเตอรี่ NP-F คู่กับ BTBGV handgrip ได้เลย หรือจะเป็น FC-120B ที่ใช้กับ BTBGXLR4II handgrip และแบตเตอรี่ V-Mount ก็สะดวกสุดๆ
ความแตกต่างที่ 2 : “วัสดุ” ที่บ่งบอกความทนทานกับไฟ Nanlite

ขึ้นชื่อว่า Nanlite แล้ว เรื่องคุณภาพและความทนทานนี่หายห่วง เพราะแทบทุกชิ้นส่วน ผลิตจากโรงงานของตัวเอง ทำให้ควบคุมคุณภาพได้แบบเน้นๆ ผิดกับคู่แข่งส่วนใหญ่ที่มักจะจ้างโรงงานภายนอกผลิต
ถึงแม้ว่าคุณภาพโดยรวมของ Nanlite จะดีงามทุกซีรีส์ แต่วัสดุที่ใช้ในการผลิตก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้แต่ละตระกูลแตกต่างกัน หากคุณเป็นสายลุย ต้องขนย้ายไฟบ่อยๆ เปลี่ยนฉากถ่ายทำเป็นว่าเล่น ความแข็งแรงทนทานของวัสดุอาจเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ
สายแข็งแรง เน้นทนทาน ต้องยกให้ Forza Series เพราะทุกรุ่นในตระกูลนี้มาพร้อมกับโครงสร้างโลหะที่แข็งแกร่ง พร้อมรับมือทุกสถานการณ์
ผสมผสานความแข็งแรงกับความเบา FS Series บางรุ่นก็ทำจากโลหะ เช่น FS-300B แต่บางรุ่นก็ใช้วัสดุโพลีเมอร์ที่แข็งแรง เช่น FS-60B ส่วน FC Series นั้นบอดี้ภายนอกเป็นโพลีเมอร์ทั้งหมด ข้อดีคือมีน้ำหนักเบา ทำให้พกพาสะดวก
ความแตกต่างที่ 3 : “ตัวล็อค” ที่อาจดูเล็กน้อย แต่สำคัญสุดๆ

หลายคนอาจมองข้าม “Yoke Lock” หรือกลไกการล็อคตำแหน่งไฟ แต่เชื่อเถอะว่ามันมีผลต่อการทำงานของคุณอย่างมาก ยิ่งล็อคได้ง่าย แม่นยำ และมั่นคง ก็ยิ่งช่วยให้การจัดแสงเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว
ล็อคง่าย แม่นยำ ทั้ง Forza และ FC Series มาพร้อมกับ “Stepless Yoke Lock” แบบด้านเดียว ที่สามารถปรับและล็อคตำแหน่งได้อย่างละเอียดตามต้องการ แถมยังใช้งานมือเดียวได้สบายๆ ส่วน Forza รุ่นใหญ่ยังมี Yoke ที่โค้ง ทำให้ปรับองศาการเอียงได้มากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์ปรับแสงขนาดใหญ่
ล็อคแน่น แต่ต้อง 2 มือ ใน FS Series จะมี Yoke Lock ที่ต้องหมุนล็อค 2 ด้าน และมี Rosettes ช่วยให้ยึดแน่น แต่บางครั้งก็อาจจะขยับเล็กน้อยตอนล็อค ข้อดีคือ Yoke ของ Nanlite ทุกรุ่นทำจากโลหะ ในขณะที่ไฟจากแบรนด์อื่นส่วนใหญ่มักจะเป็นขายึดพลาสติกที่ดูบอบบางกว่า
ความแตกต่างที่ 4 : ชุดควบคุม แหล่งพลังงาน และความเป็น “Monolight”

ไฟ LED ทั้ง 3 ซีรีส์นี้ ให้แสงที่แม่นยำ และ Flicker-Free แม้ในอัตราเฟรมสูง แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนคือตำแหน่งของปุ่มควบคุมและวิธีการจ่ายพลังงาน
-
- ชุดควบคุมแยกส่วน : Forza รุ่นใหญ่ที่มี Bowens Mount (300 II, 300B II, 500 II, 500B II, 720 และ 720B) จะมี “Control Unit” แยกออกมา ซึ่งรวมเอาแหล่งจ่ายไฟ ช่องใส่แบตเตอรี่ ปุ่มควบคุม และหน้าจอแสดงผลไว้ด้วยกัน ข้อดีคือทำให้หัวไฟมีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา แถมยังสะดวกในการควบคุมเมื่อยกไฟขึ้นสูงบนขาตั้ง
- แหล่งจ่ายไฟภายนอก : Forza รุ่นเล็กที่มี FM Mount (60 II, 60B II, 60C, 150, 150B) จะไม่มี Control Unit แต่จะมีแหล่งจ่ายไฟภายนอกขนาดเล็ก เช่นเดียวกับ FC-300B และ FC-500B ที่มีแหล่งจ่ายไฟภายนอกขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ
- Monolight แท้ๆ : สำหรับ FS Series นั้นเป็น “Monolight” อย่างแท้จริง หมายความว่าทุกอย่างรวมอยู่ในตัวไฟ ไม่ต้องมีอุปกรณ์ภายนอกให้วุ่นวาย แค่เสียบสายไฟ AC ก็พร้อมใช้งาน
ความแตกต่างที่ 5: เรื่องของ “กระเป๋า” ที่ใส่ใจทุกการเดินทาง
การมีกระเป๋าใส่ไฟมาให้ด้วยถือเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องเคลื่อนย้ายไฟบ่อยๆ

-
- กระเป๋าดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ไฟ Forza II LED เป็นรุ่นที่ 2 ที่ได้รับการปรับปรุง รวมถึงกระเป๋าใส่ไฟที่มาพร้อมกันด้วย ซึ่งเป็นแบบนุ่ม มีบุนวม และมีช่องเก็บอุปกรณ์ต่างๆ อย่างเป็นสัดส่วน ทำให้มั่นใจได้ถึงการปกป้องอุปกรณ์ที่ดีเยี่ยม
- เคสแข็งแรง ทนทาน กระเป๋าที่มาพร้อมกับ FC-300B และ FC-500B อาจดูเหมือนกล่องโฟมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วทำจาก Hard Foam ที่ทนทาน มีส่วนประกอบสำหรับบานพับ ตัวล็อค และหูหิ้ว ทำให้ใช้งานได้จริง ป้องกันอุปกรณ์ได้ดี และมีน้ำหนักเบา สามารถหยิบเข้าออกไฟและอุปกรณ์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว
- ไม่มีมาให้ แต่มีขายแยก เนื่องจาก FS Series เน้นการใช้งานในสตูดิโอเป็นหลัก จึงไม่มีกระเป๋ามาให้ แต่ถ้าต้องการ ก็สามารถซื้อแยกได้ โดยมีรุ่น Nanlite CC-S-FS ที่ใส่ไฟ FS Series ได้ทุกรุ่น ยกเว้น FS-60B ที่มีขนาดเล็กเกินไป ซึ่งจะมีกระเป๋ารุ่น Nanlite CC-S-FZ-60II ที่พอดีเป๊ะ
ความแตกต่างที่ 6: ฟังก์ชันขั้นสูง “G/M Adjustment” และ “DMX”
ความแตกต่างในข้อสุดท้ายนี้อาจจะเหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการควบคุมแสงในระดับที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

-
- G/M Adjustment : เมื่อคุณใช้ไฟ Nanlite ร่วมกับไฟแบรนด์อื่นๆ หรือแสงจากธรรมชาติ อาจเกิดปัญหาสีเพี้ยนได้ ไฟที่มีฟังก์ชันปรับ G/M จะช่วยให้คุณชิฟต์สีเอาท์พุตเพื่อแก้ไขสีที่ไม่ตรงได้ ซึ่งใน FC และ FS Series จะไม่มีฟังก์ชันนี้ แต่มีอยู่ใน Forza บางรุ่น เช่น Forza 300 II, 300B II, 500 II และ 500B II ที่ปรับได้ +/- 80 G/M ส่วน Forza 60C ที่มีแหล่งกำเนิดแสง RGBLAC LED เต็มสเปกตรัม จะปรับได้ถึง +/- 100 G/M
- การควบคุมแบบ DMX : DMX เป็นการควบคุมที่ผู้ใช้งานบางกลุ่มนิยมใช้ ซึ่ง Forza รุ่นใหญ่จะมีพอร์ต XLR 3-pin แบบล็อคสำหรับควบคุม DMX/RDM ส่วน Forza รุ่นเล็กและ FC Series จะมีพอร์ต 3.5mm แบบล็อค และ FS Series จะไม่มี DMX
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Nanlite FS Series, FC และ Forza ได้ชัดเจนขึ้น นอกจากคำว่า “ดี”, “ดีกว่า” และ “ดีที่สุด” ตอนนี้คุณน่าจะเห็นแล้วว่าแต่ละซีรีส์มีจุดเด่นและถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกัน หากมีคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เพจ
https://www.facebook.com/NanliteThailandbyCOB หรืออ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Nanlite เพื่อให้คุณเลือกไฟที่ตอบโจทย์ในการใช้งานได้เลย
อ้างอิงข้อมูลจาก :
https://nanliteus.com/blog/nanlite-fc-vs-fs-series-vs-forza-spotlights-what-is-the-difference