หากคุณคือช่างภาพที่มักต้องออกไปถ่ายภาพในพื้นที่กลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคล การถ่ายวิวทิวทัศน์ หรือจะเป็นการถ่ายภาพในลักษณะไหน หนึ่งในปัจจัยที่ต้องคำนึงอยู่เสมอ ก็คือเรื่องของสภาพแสงที่มักจะสว่างจ้าเกินไปในพื้นที่กลางแจ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้
แต่ก็ใช้ว่าสภาพของแสงจะเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้เสมอไป เพราะเพียงคุณเลือกใช้ Haida PROII CPL-VND 2 In 1 ฟิลเตอร์คุณภาพสูง คุณสมบัติแน่น ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการรับมือการถ่ายภาพในสภาพวะแสงจ้าโดยเฉพาะ!
ทำความรู้จักกับฟิลเตอร์ Haida PROII CPL-VND 2 In 1
ฟิลเตอร์รุ่นนี้ เป็นฟิลเตอร์รุ่นยอดฮิตจากแบรนด์ Haida ที่มีความโดดเด่นด้วยการผสมฟิลเตอร์ 2 ชนิดเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ “CPL Filter” และ “VND Filter” ส่งผลให้ฟิลเตอร์ตัวนี้สามารถนำมาใช้งานได้ในหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะกับการถ่ายภาพที่ต้องถ่ายในพื้นกลางแจ้งที่มีแสงจ้า ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นของ VND Filter ที่เราจะมาพูดถึงกันเป็นหลักในบทความตัวนี้ครับ
VND Filter คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
VND ย่อมาจาก Variable Neutral Density ซึ่งเป็นชนิดของฟิลเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดปริมาณแสงที่เข้าสู่เลนส์กล้อง โดยสิ่งที่ทำให้ฟิลเตอร์ตัวนี้นั้นโดดเด่น คือความสามารถในการควบคุมปริมาณของแสงได้หลายระดับ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ VND Filter จะสามารถเลือกลดปริมาณของแสงที่ผ่านเข้าสู่เลนส์กล้องได้อย่างอิสระนั่นเอง
การควบคุมปริมาณของแสงของ VND Filter
ด้วยสภาพแสงที่มักแตกต่างกันตามสถานการณ์และสภาพแวดล้อม รวมไปถึงช่างภาพแต่ละคนที่มีความต้องการในเรื่องแสงที่แตกต่างกัน ฟิลเตอร์ชนิดนี้ จึงถูกสร้างมาเพื่อตอบโจทย์ที่หลากหลายเหล่านี้ นั่นก็คือความสามารถในการควบคุมปริมาณของแสงได้หลายระดับ
โดยปริมาณของแสงที่เข้าสู่เลนส์กล้อง จะมีชื่อเรียกว่าค่า Stop ซึ่งในกรณีของฟิลเตอร์ VND ค่า Stop ที่ว่านี้จะหมายถึงปริมาณในการลดแสงที่เข้าสู่เลนส์กล้อง และฟิลเตอร์ Haida PROII CPL-VND 2 in ตัวนี้ก็สามารถปรับค่า Stop ได้ตั้งแต่ 3 – 7 Stop เลยทีเดียว
ซึ่งหากคุณเป็นช่างภาพที่กำลังมองหา VND Filter มาลองใช้ ความสามารถนี้จะมีประโยชน์และคุ้มค่าที่จะลงทุนอย่างยิ่ง เพราะมันจะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์และสภาพแวดล้อมของแสงที่แตกต่างกันได้อย่างอิสระ แถมยังสามารถทดลองลดแสงตั้งแต่ 3 – 7 Stop ได้อย่างหลากหลาย เพื่อการถ่ายภาพที่ได้แสงที่ตรงใจเรามากที่สุด โดยที่เราไม่ต้องคอยซื้อ VND Filter หลาย ๆ Stop เพื่อสต็อกเก็บไว้หลายตัว ช่วยประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย แถมยังช่วยเพิ่มจังหวะการถ่ายภาพในสถานการณ์ได้อย่างอิสระอีกด้วย
ลองคิดถึงสถานการณ์ที่เรากำลังถ่ายภาพกลางแจ้งในพื้นที่หนึ่งดูนะครับ หากเราเซ็ตกล้องเซ็ตมุมถ่ายภาพไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ดันเกิดเหตุการณ์ที่เมฆเคลื่อนที่แบบกะทันหันจนทำให้ฟ้าเปิดพร้อมแสงจ้า การที่เรามี VND Filter ที่ลดแสงได้ตั้งแต่ 3 – 7 Stop จึงจะทำให้เราได้เปรียบในสถานการณ์แบบนี้แบบสุด ๆ ถ้ายังคิดภาพไม่ออก เราจะลองยกตัวอย่างสถานการณ์ 3 แบบมาให้ลองอ่านกันนะครับ
สถานการณ์ที่หนึ่ง: ไม่มีฟิลเตอร์อะไรเลย
สถานการณ์นี้คือสถานการณ์ที่เราจะต้องรีบเซ็ตการตั้งค่าที่ตัวกล้องของเราโดยตรง ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เราจะต้องเสียเวลามากที่สุด เพราะมีความละเอียดและความยุ่งยากยิ่งกว่าสถานการณ์ต่อไปที่ผมจะยกขึ้นมา
สถานการณ์ที่สอง: มี VND Filter หลายอัน ที่มีค่า Stop แตกต่างกันออกไป
แน่นอนว่าสถานการณ์นี้ คือสถานการณ์ที่เราจะพร้อมถ่ายภาพได้ไวกว่าสถานการณ์แรก เพราะเพียงแค่เราสลับเปลี่ยนฟิลเตอร์มาใช้ให้เหมาะกับสภาพแสงที่เจออยู่ ณ ตอนนั้น เราก็พร้อมถ่ายภาพต่อได้เลยทันที แต่การพก VND Filter หลายอัน ก็จะแลกมาด้วยความยุ่งยากในการพกพา ด้วยจำนวนและน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น
สถานการณ์ที่สาม: มี VND Filter ที่ปรับได้หลาย Stop ในอันเดียว
เห็นภาพกันแล้วใช่ไหมครับว่าการมี VND Filter ที่ปรับ Stop ได้ตั้งแต่ 3 – 7 Stop จะได้เปรียบขนาดไหน เพราะในสถานการณ์ที่สภาพแสงมีการเปลี่ยนแบบกะทันหัน เราก็สามารถหมุนเปลี่ยนค่า Stop จากตัวฟิลเตอร์เองได้อย่างลื่นไหล ช่วยประหยัดเวลา แถมไม่ต้องพกพาฟิลเตอร์หลายตัวให้หนักหรือวุ่นวาย
การลดแสงตั้งแต่ 3 – 7 Stop
ทีนี้เราจะขอมาเจาะลึกความสามารถในการปรับค่า 3 – 7 Stop กันให้มากขึ้นนะครับ ในการปรับค่า Stop 1 ค่า จะหมายถึงเพิ่มหรือลดปริมาณของแสงที่เข้าสู่เลนส์กล้องเป็นสอง 2 เท่า ซึ่งค่า Stop ที่มากขึ้น ก็จะหมายถึงการลดปริมาณของแสงที่มากขึ้น
ดังนั้นหากค่าการลดแสง 1 Stop หมายถึงการลดแสงเข้าสู่เลนส์กล้องเป็น 2 เท่า
- การลดแสง 2 Stop ก็จะหมายถึงการลดแสงเข้าสู่เลนส์กล้อง (2) x (2) = 4 เท่า
- การลดแสง 3 Stop ก็จะหมายถึงการลดแสงเข้าสู่เลนส์กล้อง (4) x (2) = 8 เท่า
- การลดแสง 4 Stop ก็จะหมายถึงการลดแสงเข้าสู่เลนส์กล้อง (8) x (2) = 16 เท่า
- การลดแสง 5 Stop ก็จะหมายถึงการลดแสงเข้าสู่เลนส์กล้อง (16) x (2) = 32 เท่า
- การสดแสง 6 Stop ก็จะหมายถึงการลดแสงเข้าสู่เลนส์กล้อง (32) x (2) = 64 เท่า
- การสดแสง 7 Stop ก็จะหมายถึงการลดแสงเข้าสู่เลนส์กล้อง (64) x (2) = 128 เท่า
จึงสรุปได้ว่าในสถานการณ์ที่มีสภาพแสงแตกต่างกันออกไป ฟิลเตอร์ตัวนี้จะมีความสามารถในการลดแสงที่เข้าสู่เลนส์กล้องได้ตั้งแต่ 8 – 128 เท่าเลยทีเดียว
ประโยชน์ของการลดปริมาณแสง
ความสามารถในการลดปริมาณแสงเข้าสู่เลนส์กล้อง ถือเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญหากเราอยู่ในสถานการณ์หรือสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างมาก เพราะจะช่วยให้สามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่มีปัจจัยขึ้นอยู่กับสภาพแสงได้ตามต้องการ เช่น
การถ่ายภาพ Portrait กลางแจ้งที่ต้องการโบเก้อันสวยละมุน
ในการถ่ายภาพ Portrait ให้มีโบเก้สวยละมุน แน่นอนว่าการตั้งค่ากล้องที่เราต้องทำ ก็คือการปรับค่า f ให้ต่ำ หรือก็การเปิดรูรับแสงให้กว้าง เพราะรูรับแสงที่ต่ำ จะช่วยทำให้ภาพของเรามี Depth of Field ชัดลึกที่ลึกมากยิ่งขึ้น หรือให้พูดง่าย ๆ ก็คือวัตถุที่เราโฟกัสจะมีความชัดเจนมากขึ้น ในขณะเดียวกันที่พื้นที่อื่น ๆ นอกโฟกัสก็จะถูกเบลอมากขึ้นเช่นกัน
แต่แน่นอนว่าการปรับรูแสงให้กว้าง ก็จะส่งให้แสงสามารถเข้ามาได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ภาพนั้นสว่างมากเกินไป ดังนั้นสิ่งที่จะมาช่วยบาลานซ์สถานการณ์นี้ได้ ก็คือ VND Filter ที่มีคุณสมบัติในการช่วยลดปริมาณแสงเข้าสู่เลนส์กล้อง ซึ่งสามารถเลือกปรับสดแสงได้ตั้งแต่ 3-7 Stop ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์นั้น ๆ จะมีแสงเข้ามามากขนาดไหน ช่วยให้เราสามารถสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่มีโบโก้สวยละมุนได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องมีปัจจัยเรื่องแสงมาคอยกำหนด
ถ่ายภาพน้ำตกหรือทะเลให้ดูนุ่มนวล
ด้วยความที่น้ำตกหรือทะเล เป็นสิ่งที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาจากการถูกลมพัดพา การตั้งค่ากล้องที่จะทำให้เราสามารถถ่ายภาพสิ่งเหล่านี้ให้ดูนิ่งและนุ่มนวล ก็คือการตั้งค่า Speed Shutter ให้ต่ำ เพราะการตั้งค่า Speed Shutter ให้ต่ำจะทำให้ชัตเตอร์ของกล้องเรามีระยะการเปิดที่นานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถจับภาพการเคลื่อนไหวของน้ำตกหรือทะเลให้ออกมานิ่งและดูนุ่มนวล
แต่แน่นอนว่าการที่ชัตเตอร์ของกล้องมีระยะการเปิดที่นานมากขึ้น ก็หมายถึงการที่แสงจะเข้ามามากขึ้นเช่นกัน สถานการณ์แบบนี้จึงเป็นสถานการณ์ที่เราควรหยิบ VND Filter ออกมาใช้ เพราะสามารถใช้ลดแสงที่เข้ามาได้ถึง 3 – 7 Stop หรือ 8 – 128 เท่า ซึ่งช่วยให้เราค้างชัตเตอร์ของเราได้ยาว ๆ โดยไม่ต้องกลัวแสงเข้ามามากเกินไป เก็บภาพน้ำตกหรือทะเลที่นุ่มนวลสวยงามได้แบบสบาย ๆ
CPL Filter คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?
ถึงแม้บทความนี้จะเน้นพูดถึงในส่วนของ VND Filter เป็นหลัก แต่ในเมื่อฟิลเตอร์ตัวนี้ คือฟิลเตอร์ Haida PROII CPL-VND 2 In 1 จะไม่ให้เราพูดถึง CPL Filter เลยก็คงไม่ได้
ฟิลเตอร์ชนิดนี้ คือฟิลเตอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดภาพสะท้อนที่เกิดจากแสงตกกระทบในพื้นผิวต่าง ๆ เช่น แม่น้ำ, กระจก, และพื้นผิวที่มีความเงาอื่น ๆ โดยการลดแสงสะท้อนที่ว่านี้ จะช่วยให้ภาพที่ออกมามีรายละเอียดที่คมชัดมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างการใช้ CPL Filter ในพื้นที่กลางแจ้ง
ในการถ่ายภาพในพื้นที่กลางแจ้ง หากพื้นที่นั้น ๆ มีแม่น้ำ แสงแดดจ้าจะตกกระทบลงมาบนผิวน้ำจนเกิดเป็นภาพสะท้อน ในสถานการณ์นี้ เราก็สามารถหยิบ CPL Filter เพื่อเปลี่ยนจากแม่น้ำที่มีภาพสะท้อน ให้กลายเป็นแม่น้ำที่ใสกริ้งได้เลยทันที ช่วยให้เรามองเห็นรายละเอียดใต้ผิวน้ำได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพิ่มมิติและความสวยงามของภาพไปอีกขั้น
โดยนอกจากการช่วยลดภาพสะท้อน ฟิลเตอร์รุ่นนี้ก็ยังสามารถช่วยเพิ่มความฟ้าให้กับท้องฟ้า ซึ่งช่วยให้การถ่ายภาพวิวทิวทัศน์มีท้องฟ้าที่สวยสดงดงามมากขึ้น ลองจินตนาการถึงวันที่เราเดินทางเพื่อมาถ่ายภาพวิวภูเขาสุดอลังการ แต่ดันเจอกับท้องฟ้าที่มืดมน ในกรณีเราก็สามารถหยิบฟิลเตอร์ตัวนี้มาใช้ เพื่อเพิ่มความสวยงามให้กับท้องฟ้าตรงหน้าได้เลยทันที
คุณสมบัติทางกายภาพของ Haida PROII CPL-VND 2 In 1
นอกจากความสามารถในการสร้างสรรค์รูปภาพในพื้นที่กลางแจ้งที่เราพูดถึงกันไปด้านบน ฟิลเตอร์ตัวนี้ก็ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติในทางกายภาพที่มีคุณภาพสูงสุด ๆ โดยเราจะขออธิบายแบ่งเป็นข้อย่อย ๆ ดังนี้
น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
ฟิลเตอร์ตัวนี้ มาพร้อมกับน้ำหนักที่เบาหวิวเพียง 48 กรัม ซึ่งเป็นน้ำหนักที่เบายิ่งกว่าไข่ 1 ฟอง ช่วยให้คุณสามารถพกพาฟิลเตอร์ตัวนี้ออกไปลุยด้วยกันได้ทุกที่แบบสะดวกสบายสุด ๆ เรียกได้ว่าหากนำเข้าไปเก็บในกระเป๋ากล้อง ก็แทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยทีเดียว
ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง
ฟิลเตอร์ตัวนี้ ผลิตจากวัสดุ “อะลูมิเนียมคุณภาพสูง” ซึ่งเป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง และทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ สามารถพกพาออกไปลุยถ่ายภาพได้ทุกที่ แถมยังสามารถป้องกันแรงกระแทกหรือแรงกดที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุที่เราไม่ได้ตั้งใจ เช่น การหยิบฟิลเตอร์ออกมาจากกระเป๋า แล้วเผลอทำหลุดมือจนหล่นไปกระแทกลงกับพื้น หรือการวางฟิลเตอร์ไว้บนที่นั่ง แล้วเราเผลอลืมตัวไปนั่งทับเข้าเต็ม ๆ
นอกจากนี้ อะลูมิเนียมยังเป็นวัสดุจำพวกที่ไม่เกิดสนิม ดังนั้นหากเราต้องออกไปถ่ายภาพในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งอาจส่งผลให้ฟิลเตอร์ต้องเจอกับความชื้นหรือน้ำค้าง เราก็ไม่ต้องกังวลว่าฟิลเตอร์ของเราจะเสียหายหรือขึ้นสนิม ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เราสามารถโฟกัสกับการถ่ายภาพได้อย่างเต็มที่มากขึ้น
มีขนาดให้เลือกหลากหลาย
แน่นอนว่าช่างภาพแต่ละคน ก็ต้องมีการเลือกใช้เลนส์คู่ใจที่แตกต่างกันออกไป ฟิลเตอร์ตัวนี้จึงมาพร้อมกับขนาดที่มีให้เลือกหลากหลาย ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามขนาดของเลนส์ ได้แก่ขนาด 67 มิลลิเมตร, 77 มิลลิเมตร และ 82 มิลลิเมตร ตามลำดับ
ทั้งหมดนี้ก็คือเหตุผลว่าทำไม Haida PROII CPL-VND 2 In 1 ถึงต้องเป็น VND Filter ตัวแรกของคุณ ทั้งคุณภาพที่จัดเต็ม และความสามารถในการใช้ถ่ายภาพในพื้นที่แสงน้อยได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยควบคุมแสงที่สามารถทำให้เราได้ภาพที่มีโบเก้สวยละมุน ภาพทะเลที่มีความนิ่งและนุ่มนวล รวมไปถึงความสามารถจากฝั่ง CPL Filter ที่ช่วยลดภาพสะท้อนในพื้นผิวต่าง ๆ รวมถึงช่วยเพิ่มความสดใสในการถ่ายวิวท้องฟ้าได้อีก เรียกได้ว่าเป็นฟิลเตอร์ 2 In 1 ที่ครบครันแบบสุด ๆ
หากสนใจหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่เพจ Facebook: Haida Filter Thailand
STM Academy
Our Location: 3133/4 ถนนสุขุมวิท 101/2 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260
Our Website: STM Academy
Our Socials : Facebook & YouTube
Tel: +66-2821-5505
E-mail: info@thedigitalstm.com